Talk of The Town

โบรกฯ ชี้หุ้นกลุ่มโรงกลั่น ได้ประโยชน์หลัง “โอเปกพลัส” เพิ่มกำลังผลิต หนุนขาดทุนสต็อกลดลง


06 ตุลาคม 2568

โบรกฯ ชี้หุ้นกลุ่มโรงกลั่น_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าจากรณีที่ OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 1.37 แสนบาร์เรลต่อวัน  ในเดือน พ.ย.68 โดยเมื่อวันที่ 5 ต.ค.68 ที่ผ่านมา ที่ประชุมออนไลน์ของประเทศสมาชิก OPEC+ 8 ประเทศ (รวมถึง ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คูเวต คาซัคสถาน แอลจีเรีย และโอมาน) 

โดยได้มีมติที่จะถอนการปรับลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ (voluntary production cuts) เพิ่มอีก 137 พันบาร์เรลต่อวันในเดือน ต.ค.68 ซึ่งเป็นการถอนครั้งที่ 2 ของ voluntary production cuts ก้อน 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) (ประกาศมาตั้งแต่ เม.ย.66) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการถอน voluntary production cuts ก้อน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ซึ่งประกาศในเดือน พ.ย.66) ไปทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ กลุ่ม OPEC+ ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแล้วมากกว่า 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ซึ่งเทียบเท่ากับ 2.5% ของอุปสงค์การใช้น้ำมันทั่วโลก

ขณะเดียวกันกลุ่มประเทศ OPEC+ มองว่า voluntary production cuts ก้อน 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจได้รับการปรับกลับมาบาบางส่วนหรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะยังคงมีการติดตามและประเมินสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด 

ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกยังได้คงความยึดหยุ่นอย่างเต็มที่ในการระงับหรือยกเลิกการปรับ voluntary production cuts เพิ่มเติม โดยกลุ่ม OPEC+ จะจัดการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 2 พ.ย.68 

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นซึ่งยังคงมีความผันผวนสูง ซึ่งคาดว่าตลาดได้รับรู้แนวทางการทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่องของOPEC+ อยู่แล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ Brent ปิดตัวขึ้น 0.7%เป็น USD64.5/bbl ทั้งนี้ เรายังคงสมมติฐานราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ USD69.0/bbl เทียบกับ ราคาเฉลี่ย YTD ที่ USD70.7/bbl

ดังนั้น ยังคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" สำหรับกลุ่มพลังงานและคาดหุ้นโรงกลั่นจะได้ประโยชน์จากผลประกอบการปกติฟื้นตัวในไตรมาส 3/68 โดยคาดว่าผลประกอบการกลุ่มโรงกลั่นโดยรวม (ยกเว้น TOP ที่มีการรับรู้กำไรพิเศษใน 2025) น่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนตามแนวโน้มขาดทุนจากสต๊อก (stock loss net of NRV) ที่ลดลง ทั้งนี้ หุ้นต้นน้ำและกลางน้ำที่อยู่ภายใต้การดูแลอยู่ในปัจจุบัน คือ SPRC (ขี้อ/ป้า 6.00 บาท), BCP (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท), TOP (ถือ/เป้า 33.00 บาท), และ PTTEP (ซื้อ/เป้า 130.00 บาท)