Wealth Sharing

4 แบงก์ดังสะเทือน! กำไรไตรมาส 3/68 ส่อแวว “ดิ่งหนัก”


30 กันยายน 2568

น่าสนใจสำหรับหุ้นในกลุ่มธนาคาร บนความท้าทายที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 นักวิเคราะห์คาดกำไรกลุ่มยังมีทิศทางการเติบโต แต่ที่น่าสนใจ มี 4 ธนาคาร ที่คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

4-แบงก์ดังสะเทือน!_WS-(เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดกลุ่มธนาคาร 8 ธนาคารที่ฝ่ายวิจัยทำการศึกษาจะมีกำไรไตรมาส 3/68 รวมกัน 6.48 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าการหดตัวลงของสินเชื่อ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง จะทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดต่ำลง 

แต่การลดลงของการตั้งสำรองในหลายธนาคาร ประกอบกับกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ากำไรจะเพิ่มสูงขึ้นได้

ในขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อน ถึงแม้ว่าจะคาดว่าหลายธนาคารจะมีกำไรลดลง แต่การเพิ่มขึ้นของกำไรของ KTB และ KBANK ทำให้กำไรของทั้งกลุ่มเพิ่มสูงขึ้นจากการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลง

โดยคาดว่า SCB จะเป็นธนาคารที่กำไรโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไร 1.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงมากของการตั้งสำรอง และยังมีกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 

ส่วนเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน คาดว่า KTB จะมีกำไรโดดเด่นที่สุด โดยคาดว่าจะมีกำไร 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองลดลง และอาจจะมีกำไรจากการแปลงหนี้เป็นทุนหุ้น THAI ด้วย

อย่างไรก็ตาม  ในเดือน ก.ค. ทุกธนาคารมีสินเชื่อหดตัวทั้งหมดยกเว้น SCB และในเดือน ส.ค. ทุกธนาคารก็ยังมีสินเชื่อหดตัวต่อ ยกเว้น BAY ธนาคารเดียวที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้คาดว่าสินเชื่อของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/68 จะยังคงหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2/68 และอาจจะหดตัวมากกว่า โดยคาดว่าจะหดตัว 1.4% จากไตรมส 2/68 ที่สินเชื่อหดตัว 0.5% จากไตรมาสก่อน และถึงแม้จะคาดว่าปริมาณ NPL ของกลุ่มอาจจะไม่ได้แตกต่างจากไตรมาสก่อนมากนัก แต่การหดตัวของสินเชื่ออาจจะทำให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของกลุ่มยังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น 

ดังนั้น ถึงแม้ว่ากลุ่มธนาคารจะได้รับผลจากสินเชื่อที่หดตัวรวมไปถึงการปรับลดของผลตอบแทนสินเชื่อจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และคาดว่าผลตอบแทนสินเชื่ออาจจะลดลงอีก จากการปรับลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบาย 

แต่ยังคาดว่ากำไรของกลุ่มในปี 68 จะยังเติบโตได้ 6.8% จากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไร 2.6 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 2.4 แสนล้านบาท จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองลดลง 

โดยยังคงให้น้ำหนัก “ลงทุนเท่ากับตลาด” ยังคงเลือก KTB (ราคาพื้นฐาน 30 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่ม จากการที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล แต่ในระยะสั้นมองว่า TTB (ราคาพื้นฐาน 1.98 บาท) มีความน่าสนใจเนื่องจากมีการประกาศจ่ายปันผล 0.066 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 3.5% เป็นระดับสูงที่สุดในธนาคารที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล และเป็นธนาคารเดียวที่ยังไม่ขึ้นเครื่องหมาย XD โดยจะขึ้น XD ในวันที่ 6 ต.ค.นี้

4-แบงก์ดังสะเทือน!_0.jpg