Talk of The Town

TOP คว้าเงินสด 1.8 หมื่นล้าน หลังจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่าสูงสุด โบรกฯ มองบวก หนุนออก Perpetual bond ลุย CFP


26 กันยายน 2568

บอร์ด TOP ไฟเขียวอนุมัติแผน Asset Monetization รับเงินสดกว่า 18,000 ล้านบาท เสริมแกร่งการเงินและลดหนี้ พร้อมยังใช้ทรัพย์สินเดิมทำธุรกิจได้ตามปกติ เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติ 9 ธันวาคม นี้ ด้านนักวิเคราะห์มองบวก แม้ว่าภาพกำไรอาจลดลงจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น แต่ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จะทำให้บริษัทสามารถออก perpetual bond เพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนโครงการ CFP ให้สำเร็จตามแผน

TOP คว้าเงินสด 1.8 หมื่นล้าน_S2T (เว็บ)_0.jpg

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ดำเนินการระดมทุนผ่านโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่าสูงสุด (Asset Monetization) โดยการให้ PTT Tank เข้าถือหุ้น 49% ในบริษัทย่อยของ TOP ที่จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว 21 ปี ในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทฯ ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้แก่ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (Single Buoy Mooring :SBM) สถานีจ่ายน้ำมันทางรถและที่ดินบางส่วน 

โดย TOP จะเช่าทรัพย์สินกลับเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันได้อย่างต่อเนื่อง การทำธุรกรรมครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินสดมาเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและปรับโครงสร้างเงินทุนและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เข้มแข็งขึ้น 

“ในการดำเนินการโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินฯ ดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์และนโยบายเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินให้แก่บริษัทจากกระแสเงินสดที่ได้รับจากการให้เช่าทรัพย์สินระยะยาว โดยยังคงสามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าว ในการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างมูลค่าจากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานเดิมของบริษัทฯ และการลดความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม” นายบัณฑิต กล่าว 

การร่วมมือกับ PTT Tank ซึ่งเป็นบริษัท Flagship ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ของธุรกิจโรงกลั่นและ     ปิโตรเคมีของกลุ่ม ปตท.จะเพิ่มโอกาสในการก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการบริหารงานแบบรวมศูนย์  

นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า ในการดำเนินธุรกรรมบริษัทฯ ได้ทำการศึกษาและพิจารณาผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญและเพื่อความโปร่งใส คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล แอดแวนเทจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทำหน้าที่ประเมินความเหมาะสมของการทำธุรกรรมและจัดทำรายงานให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา 

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์เพียงช่องทางเดียว และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 9 ตุลาคม นี้

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดว่า TOP จะได้รับเงินสด 18,230 ล้านบาท (จะนำไปชำระคืนหนี้) ซึ่งจะลดดอกเบี้ยจ่ายและส่งผลให้ net debt/equity ลดลงเหลือ 0.45 เท่า (เทียบกับ 0.60 เท่าก่อนเกิดธุรกรรม) และ net debt/EBITDA ลดลงเหลือ 8.54 เท่า (เทียบกับ 10.38เท่าก่อนเกิดธุรกรรม) และรักษาอันดับเครดิตไว้ได้

ทั้งนี้เมื่อหักค่าเช่าทรัพย์สินแล้ว คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงราว 600 ล้านบาท/ปี (คิดเป็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการกาไรสุทธิราว 4%)

ดังนั้นมีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าวถึงแม้ว่าภาพกำไรอาจลดลงจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น แต่ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นจะทำให้บริษัทสามารถออก perpetual bond เพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนโครงการ CFP ให้สำเร็จตามแผน ซึ่งจะสร้างการเติบโตของกำไรในระยะยาว จึงคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท

ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองว่าเป็นธุรกรรมที่สมเหตุสมผลต่อ TOP ในระยะยาวที่ต้องการรักษา credit rating ด้วยการ Asset Monetization Lease & Leaseback เพื่อให้เงินสดนำไปลดหนี้ และการทำ Lease & Leaseback ไม่สร้างภาระให้แก่ฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งถ้าบริษัทยังสามารถรักษา credit rating ในระดับ Investment Grade ไว้ได้ จะสร้างความยืดหยุ่นในการใช้เครื่องมือทางการเงินในอนาคตต่อไปได้ เช่น การออก Perpetual Bond เป็นต้น 

แต่อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อผลกำในขาดทุนนั้น คาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทลดลงปีละ 600 ล้านบาท หรือประมาณ 4-5% จากประมาณการในปี 2569 จึงคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 32 บาท

TOP