กระดานข่าว

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “SMO” ขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น เข้า SET ระดมทุน ยกระดับสู่ผู้นำอุตสาหกรรมผลิต “น้ำมันปาล์มดิบ”


24 กันยายน 2568

...นับหนึ่งไฟลิ่ง กลุ่มสมอทองไฟเขียวขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET ระดมทุนขยายโรงงาน ปรับปรุงกระบวนการผลิต ยกระดับสู่ผู้นำในอุตสาหกรรม น้ำมันปาล์มดิบของไทย ชูจุดเด่นทำเลยุทธศาสตร์ ช่องทางขายทั้งใน และต่างประเทศ

S__23617543.jpg

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ SMO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน 231,600,000 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 25.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หรือ SMO ประกอบการธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทสามารถจำแนกได้ 2 กลุ่ม คือธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ น้ำมันปาล์มดิบ หรือ Crude Palm Oil หรือ “CPO” เมล็ดในปาล์มอบแห้ง หรือ Palm Kernel หรือ “PK” นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิต เช่น กะลาปาล์ม ทะลายสับ เส้นใย และอื่นๆ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพผ่านการนำผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบมาหมักในบ่อด้วยจุลินทรีย์เพื่อให้ได้ก๊าซชีวภาพ หรือ “Biogas” และนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในกิจการ และจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยกลุ่มบริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy สร้างการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัทได้อย่างมั่นคงควบคู่กับการดูแล และลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนอันเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และต่อยอดธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทประกอบด้วยบริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO มีทุนจดทะเบียน 920.00 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 688.40 ล้านบาท และบริษัทย่อยในกลุ่มอีก 3 บริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.บริษัท เอ แอล ปาล์ม จำกัด (“AL”) ทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 480.00 ล้านบาท บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ

2.บริษัท มิตรประสงค์กรีนเพาเวอร์ จำกัด (“MGP”) ทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70.00 ล้านบาท บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ

3. บริษัท ทีมอีโวลูชั่น จำกัด (“TEAM”) ทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 00ล้านบาท บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49.44ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยปัจจุบัน TEAM ไม่มีการประกอบธุรกิจ

ทั้งนี้ผลประกอบการของ SMO ในช่วงปี 2565 - 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,870.42 ล้านบาท 5,894.14 ล้านบาท และ 6,261.09 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 129.52 ล้านบาท 218.78 ล้านบาท และ 259.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.89 ร้อยละ 3.71 และร้อยละ 4.14 ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 4,965.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 518.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.55

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร และบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในธุรกิจ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีพัฒนาการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่ง มีกำลังการผลิตรวม 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14.38 เมกะวัตต์ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) รวม 12.7 เมกะวัตต์

โดยตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมีการพัฒนากระบวนการดำเนินงาน และการผลิตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารจัดการที่เป็นระบบ และยึดมั่นในจริยธรรม และมีธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานหลากหลายแห่ง อาทิ มาตรฐานปาล์มน้ำมันที่ยั่งยืน (Roundtable on Sustainability Palm Oil: RSPO) มาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 2 (Green Industry) มาตรฐานสุขลักษณะและข้อกำหนดที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Hygiene Practice : GHP) มาตรฐาน Kosher มาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 และมาตรฐานความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ ISO/IEC 17025:2018

โดยบริษัทมีกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความแตกต่าง และความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งโรงงานในจุดยุทธศาสตร์ใกล้แหล่งวัตถุดิบ 4 แห่งประกอบด้วย 1. โรงงาน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 2. โรงงาน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี   3. โรงงาน จ.สระบุรี 4. โรงงาน AL จ.ชุมพร และการมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขายและลดการพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยน้ำมันปาล์มยั่งยืน (Roundtable Sustainability Palm Oil: RSPO) 

ในขณะที่วัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อลงทุนเพิ่มในธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบไปในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัทมี ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม และ/หรือ ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดการผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจ และลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ