10 หุ้นปันผลสูง เป้าหมายต่างชาติ เมื่อเฟดส่งซิกลดดอกเบี้ยเร็ว

นโยบายอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่นักลงทุนเฝ้าติดตามมาอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์แต่ประเภท ซึ่งล่าสุด เฟดก็ได้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% และมีท่าทีจะลดอีก 2 ครั้งในปีนี้ ด้วยแนวโน้มข้างต้นจะส่งผลต่อกลยุทธ์ลงทุนต่อจากนี้มากน้อยเพียงใด ไปดูมุมมองจากนักวิเคราะห์กันได้เลย

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้มุมมองว่า หลังจากนี้ เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยเด่นกว่าใครๆ ในช่วงที่เหลือของปีคาดหวัง 2 ครั้ง ส่วนประเทศอื่นๆ คาดว่าอาจจะคงดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในช่วงที่เหลือของปี ทำให้คาดหวังเม็ดเงินตราสารหนี้ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น 

โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย ที่มีระดับ MARKET EARNING YIELD เด่นกว่าฝั่งตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว โดยไทยอยู่ระดับสูงถึง 6.7% ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯอย่าง S&P500 และ NASDAQ ที่อยู่ระดับ 4.1% และ 3.1% ตามลำดับ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในยามที่ดอกเบี้ยสหรัฐลงเร็วและแรงกว่าประเทศอื่นๆ แนะนำหุ้นปันผลเด่น อย่าง ICHI TISCO CPF AP PTT WHA ADVANC BDMS

ICHI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์กําไรปกติปี 2568 ที่ 1.15 พันล้านบาท ลดลง 12% แม้มีความกังวลเรื่องปัจจัยเศรษฐกิจ แต่บริษัทมีปัจจัยหนุนจากสินค้าใหม่ๆ ประกอบกับจ่ายปันผลจูงใจ จึงแนะนํา “Neutral” ที่ราคาเป้าหมาย 12 บาท

SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้คำแนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 133 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่ม ประกอบกับการคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่ากลุ่มและการคุมเข้มสินเชื่อ Gen2 คาดช่วยให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวดีกว่ากลุ่มฯ

TISCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย 105 บาท คงแนะนํา “Neutral” แม้ราคาหุ้นมีอัพไซด์เหลืออยู่ไม่มาก แต่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังยืนระดับสูงได้ต่อเนื่องเกือบ 8% ต่อปี ประกอบกับ ROE สูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย ที่ 15% -16% (ค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่ 13.7%) คาดช่วยจํากัดดาวน์ไซด์ของราคาหุ้น

CPF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คงแนะนํา “Outperform” ราคาเป้าหมาย 31 บาท แม้ทิศทางกําไรไตรมาส 3/68 มีโอกาสย่อตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า หลังราคาเนื้อสัตว์อ่อนตัว แต่ประโยชน์จากต้นทุนการเลี้ยงที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อมาร์จิ้นและเป็นปัจจัยหนุนกําไรยังเติบโตจากช่วงเดียวกัน

AP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 10.30 บาท เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มจากความน่าสนใจ ธีมดอกเบี้ยไทยขาลง แนวโน้มครึ่งหลังปี 68 เติบโตมากขึ้น พอร์ตสินค้าหลากหลาย ทําให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีและมี Backlog ระดับสูง และโครงสร้างการเงินแข็งแกร่ง นําไปสู่เงินปันผลปีนี้สูง

PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนํา “Outperform” ราคาเป้าหมาย 35 บาท จากความเสถียรภาพของผลการดําเนินงาน ซึ่งเป็นจุดแข็งของ PTT ที่มีการ Diversified Portfolioได้เป็นอย่างดี มีธุรกิจที่กําไรดีขึ้นมาช่วยชดเชยธุรกิจที่กําไรอ่อนตัวลงได้ทําให้ความผันผวนของกําไรจะต่ำ ภายใต้สถานการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมที่ยังไม่แข็งแรง อีกทั้งยังให้ปันผลสูง

PTTEP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนํา “Neutral” ราคาเป้าหมาย 138 บาท โดยเชื่อราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับฐานไปแล้วระดับหนึ่ง จนมีดาวน์ไซด์ที่จํากัดมากขึ้น อีกทั้งในภาพระยะยาวยังถือเป็นหุ้นที่มีความแข็งแรงของกําไรรายปี 

WHA นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนํา “Outperform” ราคาเป้าหมาย 4.36 บาท จากการดําเนินงานครึ่งปีหลังปี 68 ที่ยังมีแนวโน้มที่ดี จากยอดขายที่ดินจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจหลักอื่นยังมีความก้าวหน้าต่อเนื่อง รวมไปถึงราคาหุ้นยังอัพไซด์ 

ADVANC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คงคําแนะนํา “Outperform” ราคาเป้าหมาย 343 บาท เพราะระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกําไรไตรมาส 2/68 ที่ออกมาดีและระยะถัดไปยังมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 บวกกับยังมีปันผลในอัตราที่จูงใจ

BDMS นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนำ “Neutral” ราคาเป้าหมาย 29 บาท โดยราคาหุ้นที่ปรับลงแรงได้สะท้อนความผิดหวังต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/68 ไปแล้วพอสมควร แต่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามทั้งจากปัจจัยกดดันเศรษฐกิจภายในประเทศ, การชะลอตัวของผู้ป่วยต่างชาติ จากประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา หากสถานการณ์คลี่คลายลงและมีทิศทางเชิงบวกมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน