นโยบายอัตราดอกเบี้ยขาลง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดทุนในหลายๆด้าน ซึ่งสำหรับบริษัทจดทะเบียนเองก็ถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างกลุ่มหุ้นไฟแนนซ์ที่มีตัวเลขดอกเบี้ยก็เป็นหนึ่งในต้นทุนเช่นกันเดียวกัน แต่จะทำให้หุ้นดูน่าสนใจมากน้อยเพียงใด ไปดูปัจจัยพื้นฐานและมุมมองจากนักวิเคราะห์กัน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า การเร่งลดดอกเบี้ยช่วยคลายความกังวลของกลุ่ม Non-bank เพราะจะทําให้ต้นทุนการระดมเงินลดลง ในขณะที่ความเสี่ยงด้าน NPL ก็เหมือนจะลดลงด้วยจากการที่ค่าใช้จ่ายสํารองฯ (credit cost) ผ่านระดับสูงสุดไปแล้ว
ดังนั้น คาดว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดใหม่ในการพักหนี้ของ ธกส. น่าจะส่งผลดีทางอ้อมต่อกลุ่ม non-bank เพราะจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชําระคืนหนี้ของลูกค้าที่กู้จากเงินจาก non-bank สําหรับในระยะต่อไป การอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และ มาตรการ “คนละครึ่ง”ยังจะช่วยสร้างตัวคูณทวีของเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย
ขณะที่ต้นทุนการระดมเงินเริ่มลดลงในครึ่งปีหลังปี 2568 และ ปี 2569 เนื่องจากมีการลดดอกเบี้ยมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 ต้นทุนการระดมเงินของบริษัทในกลุ่ม non-bank จึงลดลงมาเล็กน้อย โดยของ MTC SAWAD TIDLOR ลดลงมาประมาณ 0.15 % ส่วนของ KTC และ AEONTS ลดลงประมาณ 0.10%
อย่างไรก็ตามการออกหุ้นกู้ที่ออกมาใหม่ด้วยต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงและการปรับดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเร่งจะทําให้ต้นทุนการระดมเงินลดลงเร็วขึ้นในครึ่งปีหลัง 2568 และ ในปี 2569 ซึ่ง ณ ระดับนี้ ได้ปรับลดสมมติฐานต้นทุนการระดมเงินในปี 2569 ของ SAWAD ลง 0.30% , MTC ลง 0.40% และ ของ TIDLOR ลง 0.50% ซึ่งจะทําให้ประมาณการกําไรสุทธิปี 2569 ของ SAWAD เพิ่มขึ้น 4%, ของ TIDLOR เพิ่มขึ้น 5% และของ MTC เพิ่มขึ้น 5.5%
ทั้งนี้ หลังจากที่ปรับประมาณการกําไรแล้ว P/E ของ SAWAD เป็น 10.5 เท่า ทําให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 33.50 บาทสําหรับ MTC ปรับ P/E เป็น 12.5 เท่า ได้ราคาเป้าหมายที่ 44 บาท ในขณะเดียวกัน P/E ของ TIDLOR ที่ 12.5 เท่า ได้ราคาเป้าหมายที่ 22.70 บาท พร้อมกับเพิ่มคําแนะนำ SAWAD เป็นซื้อ และ MTC เป็นถือ แต่ยังคงคําแนะนําซื้อ TIDLOR