ORI ชำระคืนหุ้นกู้เต็มจำนวนตามกำหนด 1,982 ล้านบาท พร้อมประกาศความสำเร็จขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 800 ล้านบาท ดีมานด์ล้น
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ชำระคืนหุ้นกู้เต็มจำนวน 1,982.20 ล้านบาท ตามกำหนด 1 กันยายน 2568 สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งประกาศความสำเร็จขายหุ้นกู้ 800 ล้านบาท ดีมานด์ล้นกว่า 1.5 เท่า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุน จ่อบุ๊ครายได้ในไตรมาส 3/2568 จากการปิดดีล ขายหุ้นโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท และจากโครงการคอนโดฯที่เสร็จใหม่ เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มอีก 4 โครงการ ตุน Backlog คอนโดฯ แล้วกว่า 4,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯมีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอที่จะรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต รวมถึงมีความสามารถในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดได้มาอย่างต่อเนื่องทุกรุ่น โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในรอบ 1 กันยายน 2568 ครบเต็มจำนวน 1,982.20 ล้านบาท ตามกำหนด สะท้อนถึงความพร้อมในการชำระหนี้ และมีสภาพคล่องที่ยังแข็งแกร่ง บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นกู้ทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนกลุ่มบริษัทด้วยดีเสมอมา
พร้อมประกาศความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ของบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2568 จำนวน 800 ล้านบาท แก่ผู้ลงทุนโดยทั่วไป (Public Offering) โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมากส่งผลให้มียอดจอง Overbook กว่า 1.5 เท่า ทั้งนี้หุ้นกู้ที่เสนอขายเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Non-subordinated) และไม่มีประกัน (Unsecured) อายุหุ้นกู้ 2 ปี 11 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.50% ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ วันที่ 28 กรกฎาคม 2571 จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเปิดให้จองไปเมื่อวันที่ 25-27 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา
และยังสร้างความสำเร็จในช่วงไตรมาส 2/2568 ที่ผ่านมา ออริจิ้น ปิดดีลบิ๊กล็อตตามแผนกลยุทธใหม่ ขายพื้นที่รีเทล โซน 10th Avenue แบบเหมาชั้น มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ในโครงการ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” ให้ นายอังเดร คู (Andre Koo)
มหาเศรษฐีแห่งไต้หวัน เจ้าของ Chailease Group ธุรกิจลีสซิ่งยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งมีการโอนกรรมสิทธิ์บิ๊กล็อต โครงการ “Origin Plug & Play E22 Station” ให้กับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA กว่า 278 ยูนิต ทั้ง 2 ดีลนับเป็นความสำเร็จที่สะท้อนถึงความไว้วางใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีต่อกลุ่มออริจิ้น
และเตรียมรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2568 จากการปิดดีล ขายหุ้นโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท ให้กับ Ci:z Technologies บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้าน Nursing Home การพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพยาบาลและสวัสดิการ และอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจให้คําปรึกษาและธุรกิจเสริมอื่นๆ ในเครือ Ci:z Holdings Co., Ltd. ยักษ์ใหญ่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทได้รับกระแสเงินสดรับสุทธิ (Extra Cash) เพิ่มขึ้นกว่า 800 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯมีโครงการคอนโดฯที่เสร็จใหม่และเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ในช่วงไตรมาส 3/2568 อีก 4 โครงการ คือ
ดิ ออริจิ้น เพลส บางนา, ดิ ออริจิ้น บางแค, ดิ ออริจิ้น พหล57, เดอะ แฮมป์ตัน สวีท ระยอง โดยมี Backlog ในส่วนของ
คอนโดฯ 4 โครงการ ดังกล่าวแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท
ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยวงเงินสินเชื่อพร้อมใช้กว่า 29,000 ล้านบาท รองรับการพัฒนาโครงการในกลุ่มบริษัท และ
Backlog รวม ณ.สิ้นไตรมาส 2/2568 อีกกว่า 43,336 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 5 ปี พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้เคียงคู่การดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ภายใต้ 4 กลุ่มธุรกิจ
1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 168 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2568) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) เป็นต้น รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 254,967 ล้านบาท โดยกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร หรือที่อยู่อาศัยแนวราบ ดำเนินการภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เน้นกลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ส่วนกลุ่มโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม ดำเนินการภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL
2.กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
3.กลุ่มธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
และ 4.กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
ยอดนิยม

BC ครึ่งปีหลัง 68 รับสัญญาณบวกธุรกิจโรงแรม เปิดตัวธุรกิจใหม่ Boutique Hospitality Solutions ขยายฐานรายได้ประจำ

ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้งส์ การันตีธรรมาภิบาล คว้า 100 คะแนนเต็ม AGM Checklist ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

งวดครึ่งแรกปี 2568 บจ. มีรายได้อ่อนตัวเล็กน้อย แต่พลิกมีกำไรเพิ่มขึ้น จากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการลงทุน

ราคาทองคำวันนี้ 1 ก.ย. 68 ปรับขึ้นต่อเนื่อง ทองรูปพรรณทะลุ 53,600 บาท
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)