แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนไทยจะประกาศตัวเลขผลประกอบไตรมาส 2/68 ออกมาไม่มากนัก ซึ่งมีบางบริษัทที่กำไรออกมาน่าผัดหวังและแนวโน้มยังไม่สู้ดีนัก จึงทำให้มุมมองนักวิเคราะห์แนะให้หลีกเลี่ยงหรือขายหุ้นดังกล่าว ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงนำ 3 หุ้นที่ถูกแนะนำ “ขาย” มาฝากกัน
โดยเริ่มที่ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่รายงานกำไรไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 1,010 ล้านบาท ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรงวดครึ่งปีแรกปี 68 อยู่ที่ 1,910 ล้านบาท ลดลง 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งไปตามทิศทางเดียวกันกับรายได้จากการขายและผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 68 จะชะลอจากครึ่งปีแรก คาดการปรับดุลการค้าทั่วโลกจากผลกระทบของภาษีตอบโต้สหรัฐฯ รวมถึงซัพพลายที่เพิ่มขึ้นทั้งในจีนและอินโดนีเซีย ส่งให้การแข่งขันในภูมิภาคอยู่ในระดับสูงถูกกดดันยอดขาย
ดังนั้น แนะนำ “ขาย” ที่ 16 บาท แม้บริษัทมีความคืบหน้าในการปรับพอร์ตการขายและลดดอกเบี้ยจ่ายของ fajar แต่ยังไม่เห็นสัญญาณอัพไซด์ต่อประมาณการของเราในสภาวะที่การแข่งขันครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสูงขึ้น และยังเผชิญกับกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่กระทบกำลังซื้และโฟลว์การค้า ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2568-2569 เพิ่มขึ้น 7% ต่อปี และ P/E ที่ 22 เท่า และ 19 เท่า ซึ่งราคาหุ้นได้สะท้อนความคาดหวังการฟื้นตัวไปมากแล้ว
ต่อมา บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO รายงานว่าบริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 1,398 ล้านบาท ลดลง 13.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3,105 ล้านบาท ลดลง 6.86% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรในไตรมาส 3/68 จะลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากฤดูฝนอย่างเต็มที่ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากแผนการเปิดสาขาใหม่ 8 สาขาในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม กำไรในไตรมาส 4/68 มีโอกาสฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน หนุนจากผลประกอบการที่ดีขึ้นตามฤดูกาลรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสาขาใหม่และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่น่าจะลดลง
ทั้งนี้ แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 5.35 บาท เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/68 สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อการดำเนินงานหลักของ HMPRO ท่ามกลางภาวะการบริโภคที่เปราะบาง รายได้และกำไรที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจุบันเห็นได้ชัดทั้งแบบรายปีและรายไตรมาส แสดงให้เห็นว่าธุรกิจค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะในหมวดสินค้าที่ไม่จำเป็นเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านกำลังเผชิญกับปัจจัยลบทั้งจากปัจจัยมหภาคและปัจจัยตามฤดูกาล
สุดท้าย บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 518.95 ล้านบาท ลดลง 32.09% จากช่วงเดียวกัน ขณะที่งวดหกเดือนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,136.44 ล้านบาท ลดลง 23.61% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
สำหรับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ไตรมาส 3/68 ยอดขายสาขาเดิมจะลดลงในระดับเลขหลักเดียว ช่วงต่ำถึงกลางในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 เนื่องจากไม่มีผลกระทบจากสภาพอากาศที่เย็นลงอีกต่อไป เชื่อว่าการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิมได้สะท้อนอยู่ในราคาแล้ว
ทั้งนี้ แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท เนื่องจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น 30% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอาจมากเกินไปเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มที่ยังคงอ่อนแอ โดยคาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะอ่อนตัวลงในปีนี้ โดยกำไรหลักลดลง 5% ความเสี่ยงหลักคือแนวโน้มการบริโภคที่อ่อนตัวในประเทศไทยและความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก