Talk of The Town

สรุปกลยุทธ์ที่ SCGD ใช้ เพิ่มความสามารถการทำกำไรในไตรมาส 2/68


30 กรกฎาคม 2568

ผู้นำในธุรกิจกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ธุรกิจสุขภัณฑ์ในไทย และธุรกิจให้บริการนิคมอุตสาหกรรม อย่างบริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD

สรุปกลยุทธ์ที่-SCGD-ใช้_S2T-(เว็บ).jpg

โดยภายหลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 SCGD อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 247.5 ล้านบาท (อัตราส่วนการจ่ายปันผลที่ 56%) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 27 สิงหาคม 2568 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 8 สิงหาคม 2568

ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 2/2568 บริษัทยังคงมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 28.3% และหากไม่รวมผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวหรือ Non-Recurring อาทิ ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างธุรกิจ บริษัทมี EBITDA on sales อยู่ที่ 15.2% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาสที่ผ่านมา นับตั้งแต่ไตรมาส 2/2567

บริษัทสามารถลดต้นทุนพลังงานต่อตารางเมตรอยู่ที่ 29 บาท ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่บริษัทมีธุรกิจอยู่ เช่น ประเทศเวียดนาม ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศอินโดนีเซีย โดยมี 4 กลยุทธ์เพิ่มความสามารถในการทำกำไร ดังนี้

1.ลดต้นทุนด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 12% ทำให้เกิดกรลดต้นทุนได้ 16 ล้นบทต่อปี จกเป้หมยกรใช้พลังงนใช้ไฟฟ้กพลังงนแสงอทิตย์ที่ 15% ในปี 2573

รวมถึงใช้พลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22% ทำให้เกิดกรลดต้นทุนได้ 20 ล้นบทต่อปี จกเป้หมายการใช้พลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงชีวมวล 46% ในปี 2573 รวมเป็นต้นทุนที่สรถลดได้ทั้งสิ้น 36 ล้นบทต่อปี

2.ลดต้นทุนวัตถุดิบ บริษัทได้เจรจต่อรองกับซัพพลยเออร์เพื่อเพิ่มควมสรถในกรแข่งขัน ในครึ่งปีแรก บริษัทสรถลดต้นทุนได้ 14 ล้นบท และคดว่จะลดต้นทุนเพิ่มได้อีกกว่ 16 ล้ำนบทในครึ่งหลังของปี 2568 รวมเป็นต้นทุนที่สรถลดได้ทั้งสิ้น 30 ล้นบทต่อปี

3.ปรับโครงสร้างธุรกิจและลดเงินทุนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ผ่นกรใช้ AI และระบบ digital เพื่อเพิ่มประสิทธิภพกรทำงน เช่น ใช้ระบบอัตโนมัติในกรเปิดแม่พิมพ์สุขภัณฑ์ เคลื่อนย้ยชิ้นงนสุขภัณฑ์ และพ่นเคลือบสี ช่วยเพิ่มประสิทธิภพกรผลิต แม้ในไตรมสนี้จะมีค่ใช้จ่ยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (Non-Recurring) จกกรปรับโครงสร้างอยู่ที่ 76 ล้านบาท แต่ก็ทำให้สามารถลดต้นทุนของบริษัทได้เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาทต่อปี และจากการบริหารเงินทุนหมุนเวียน บริหารจัดการลูกหนี้ทางการค้ำ และจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดต้นทุนจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและลดเงินทุนหมุนเวียนได้อีก 80 ล้านบาทต่อปีรวมเป็นต้นทุนที่สามารถลดได้ทั้งสิ้น 140 ล้านบาทต่อปี

4.เพิ่มศักยภาพการแข่งขันผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก ผ่านความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ของผู้เล่นระดับโลก ผสานเข้ากับความสามารถด้านต้นทุนที่แข็งแกร่งของบริษัท ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขัน

นอกจากนี้สืบเนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดประเทศเวียดนาม ที่ส่งผลให้ปริมาณยอดขายเติบโต 21%กไตรมสก่อนหน้ ซึ่งเป็นผลจกควมต้องกรในประเทศและควมสรถในกรส่งออกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสรถบริหรต้นทุนขยให้เทียบเท่ผู้เล่นระดับโลกได้ บริษัทจึงมีกลยุทธ์กรดำเนินงนดังนี้

4 กลยุทธ์ การเติบโตยอดขาย

1. ตั้งเป้าให้ประเทศเวียดนามเป็นฐานส่งออกที่สำคัญ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก ประเทศเวียดนามมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 27.3% และสรถและเปิดตลดส่งออกใหม่ๆเพิ่มเติม ได้แก่ สิงคโปร์ เม็กซิโก และสรณรัฐเช็ก

2.เพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากระเบื้องเกรซพอร์ซเลน ในประเทศเวียดนาม อีก 5 ล้านตารางเมตร ในปี 2568 คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 19 ล้านตารางเมตร และตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 45 ล้านตารางเมตร ในปี 2573 โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้เพื่อตอบรับควมต้องกรในประเทศ และปริมณส่งออกที่เพิ่มขึ้น

3.เพิ่มการนำเข้ากลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูง เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตสินค้าในประเทศไทย โดยอาศัยศักยภาพด้านการจัดหาที่แข็งแกร่งของบริษัท ในครึ่งปีแรกบริษัทมีสัดส่วนการนำเข้ากลุ่มสินค้ำที่มีการเติบโตสูงเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกลุ่มสินค้าเกี่ยวเนื่อง (Complementary) เช่น ปูนกาว ยาแนว กาวซีเมนต์ บานประตูหน้าต่าง ท็อปครัว ซึ่งเป็นสินค้าในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท มีสัดส่วนการนำเข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 58% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้

4. เติบโตพอร์ตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added, HVA) ซึ่งมี margin สูงกว่สินค้า Commodity กว่า 5-10% โดยสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 37%

ส่องแนวโน้มครึ่งปีหลัง

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่สดใส โดยเฉพาะตลาดประเทศเวียดนามที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยโรงงานของบริษัทในประเทศเวียดนามก็มีความพร้อมด้านต้นทุนที่แข่งขันกับผู้เล่นระดับโลกได้ ส่งเสริมการเป็นฐานส่งออกที่สำคัญของบริษัท ส่วนประเทศอินโดนีเซียที่ความต้องการสินค้าจากตลาดในประเทศเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงภาครัฐมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การที่ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ได้บรรลุข้อตกลงทางภาษีกับประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว

ส่วนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2568 ได้แก่ 1.โครงกรปรับปรุงเทคโนโลยีและเครื่องจักร เพื่อขยยควมสรถในกรผลิต Glazed Porcelain โรงงนกระเบื้อง Pho Yen ทงตอนเหนือของประเทศเวียดนมเฟส 2 ด้วยกำลังกรผลิต 2.5 ล้นตงเมตรต่อปี โดยโครงกรมีเงินลงทุน 65.5 ล้านบท ซึ่งคดว่จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหคม ปี 2568 มีควมคืบหน้ของโครงกา80%

ด้านโครงการขออนุมัติใหม่ในไตรมาสที่ 3/2568 คือ 1. โครงกรติดตั้งระบบ Biomass Hot Air Generator ที่โรงงนนิคมอุตสหกรรมหนองแค NKIE จังหวัดสระบุรี ประเทศไทย โดยมีกำหนดแล้วเสร็จไตรมสที่ 1/2569     

สรุปกลยุทธ์ที่-SCGD-ใช้.jpg