Talk of The Town

โบรกฯ ชี้หั่นดอกเบี้ย 0.25% ช่วยหนุน SET บวก 55 จุด แนะ 7 หุ้นใหญ่อิงดอกเบี้ยขาลง


15 กรกฎาคม 2568

จับตาผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่! วันนี้ติดตามคลังนำเสนอรายชื่อผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ ให้ ครม. พิจารณา ตลาดคาด วิทัยตังเต็ง คาดเห็น ภาพดอกเบี้ยนโยบายไทยขาลง นักวิเคราะห์คาด ดอกเบี้ยลดทุกๆ 0.25% จะหนุนต่อ SET ราว 50-55 จุด

โบรกฯ ชี้หั่นดอกเบี้ย 0.25__S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (15 ก.ค.) ติดตามกรณีกระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอรายชื่อผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ ให้ ครม. พิจารณา ประเมินช่วยให้ผ่านพ้นรอยต่อช่วงการเปลี่ยนผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่ ผสาน ความเสี่ยงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากการค้า มีโอกาสตลาดเก็งภาพดอกเบี้ยนโยบายไทยลงต่อ

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดเก็งภาพโอกาสลดดอกเบี้ย มากกว่า 1 ครั้ง ผ่านตลาดรอง TH Bond Yield 1 ปี อยู่ที่ 1.449% เทียบกับ ดอกเบี้ยนโยบาย 1.75%

โดยประเมินทุกๆ 0.25% จะหนุนต่อ SET ราว 50-55 จุด (ส่วนต่าง Equity Risk Premium (Earning Yield – Bond Yield กว้างขึ้น) และหุ้นอิงดอกเบี้ยขาลง อาทิ โรงไฟฟ้า เน้น GULF เช่าซื้อ เน้น KTC, MTC, JMT High Yield เน้น ADVANC, AP หนี้สูง CPALL

ขณะที่ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็น การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีหนึ่งวาระที่แวดวงการเงินจับตา คือ การคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ แทน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิที่จะครบเทอมสิ้นเดือน ก.ย. 25 โดยชื่อ วิทัย รัตนากร ผู้อานวยการธนาคารออมสิน มาแรง ส่อแซง ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่า ธปท. เข้าป้าย

ทั้งนี้ประเมินว่า เป็น sentiment เชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร หากได้นาย วิทัย มาเป็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่ที่จะเริ่มงานวันที่ 1 ต.ค. 68 เนื่องจากแนวคิด 2 เรื่อง คือ 1. การเลิกยึดนโยบาย Inflation Targeting ที่ ธปท. ใช้เป็นเรือธงในการดูแลจัดการเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมาเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย แม้เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ แต่จีดีพีโตน้อย ทำให้เป็นปัญหาหนี้เรื้อรัง 

โดยมองว่าจะมีโอกาสเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วและแรงกว่าที่คาดได้ ซึ่งคาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2568 จะอยู่ที่ 1.50% (ลดได้อีก 0.25%) ซึ่งหากมีการปรับลดมากกว่าคาด จะเป็น downside ต่อกำไรของกลุ่มธนาคารอีก 3-4% จากทุกๆการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทุก 0.25%

2.แก้ข้อครหาที่สังคมสงสัยมานานว่า เศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจเจอปัญหาสารพัด ขอกู้ธนาคารก็ยาก แต่ทำไมธุรกิจธนาคารทำกำไรเยอะปีละ 2-3 แสนล้านบาท ไม่ค่อยปล่อยสินเชื่ออ้างความเสี่ยงหนี้เสีย โดยฝ่ายวิจัยมองเห็นความเสี่ยงในอนาคตที่ ธปท. อาจเข้ามามีบทบาทในการให้แต่ละธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งสภาวะแบบนี้หากมีการเร่งปล่อยสินเชื่อมากเกินไป มองว่ามีความเสี่ยงที่จะเห็น NPL และสำรองฯเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดได้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.65 เท่า PBV (-1.25SD below 10-yr average PBV) และระดับ Dividend yield ของกลุ่มที่อยู่สูงถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยยังคงเลือก KTB (ซื้อ เป้าหมาย 25.00 บาท) เป็น Top pick

SET