Wealth Sharing

7 แบงก์ใหญ่ งบ Q2/68 คาดกำไรไม่หวือหวา แต่มีปันผลปลอบใจ


30 มิถุนายน 2568

ใกล้ฤดูกาลประกาศงบไตรมาส 2/2568 กลุ่มธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของไทย ยังถูกจับตาหนัก หลังหลายฝ่ายประเมินตรงกันว่า ผลประกอบการแบงก์ยังมีแรงกดดัน ทำให้กำไรสุทธิ อาจไม่เติบโตโดดเด่น แต่ที่น่าสนใจ  คือ “ปันผลระหว่างกาล” ที่นักลงทุนต่างเฝ้าจับตารอไม่แพ้กัน

7-แบงก์ใหญ่_WS-(เว็บ).jpg

เริ่มที่ KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาด KBANK รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1.21 หมื่นล้านบาท ลดลง 4%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 12% จากไตรมาสก่อน เพราะ รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อน จาก NIM ลดลงเหลือ 3.35% จากการลดลงของ yield on loan ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลง และ portfolio mixed 

นอกจากนั้นสินเชื่อรวมลดลง -1.0% จากไตรมาสก่อน จากการลดลงของสินเชื่อทุกประเภท ทั้งสินเชื่อภาคธุรกิจ SME และรายย่อย อีกทั้งรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อน 

เพราะการลดลงของเงินลงทุน (FVTPL) และรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ เช่น Bancassurance และรายได้ค่าธรรมเนียมด้านตลาดทุน เป็นต้น ด้านคุณภาพสินทรัพย์บริหารอยู่ในระดับที่จัดการได้ NPL Ratioที่ 3.25% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/68 ที่ 3.19% คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมาย 170 บาท โดยครึ่งแรกของปี 68 คาดประกาศจ่ายปันผลที่ 1.5 บาท/หุ้น

ต่อกันที่  SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่าไตรมาส 2/68 SCB จะมีกำไร 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ตั้งสำรองที่ลดลงและค่าใช้จ่ายลดลงแต่คาดว่าทรงตัวจากไตรมาสก่อน ถึงแม้จะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลงแต่กำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้กำไรทรงตัว แนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐาน 124 บาท คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล 2 บาท/หุ้น

ขณะที่ KTB นักวิเคราะห์นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท  ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน เพราะการลดลงของ NIM เงินลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) 

สำหรับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อภาครัฐ  ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.00% ใกล้กับไตรมาส 1/68 ที่ 2.97% แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น

BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่าไตรมาส 2/68 BBL จะมีกำไร1.29 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการตั้งสำรองที่ลดลงมาก และคาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จากรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากการลงทุน ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลดลงก็ตาม และคาดกำไรเพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสก่อน จากการตั้งสำรองที่ลดลงและรายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยด้วย แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 169 บาท

TISCO นักวิเคราะห์นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 1.56 พันล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5% จากไตรมาสก่อน เพราะ การลดลงของ NIM จาก yield on loan การลดลงของเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียม การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จากการปรับเพิ่มไปสู่ระดับปกติ และคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย NPL Ratio อยู่ที่ 2.50% เพิ่มจากไตรมสก่อน อยู่ที่ 2.42% แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 93 บาท คาดครึ่งแรกปี 68 ปันผล 2.0 บาท

TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 4.77 พันล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 6% จากไตรมาสก่อน กดดันหลักจากการลดลงของรายได้รวม ทั้งสินเชื่อรวม NIM เงินลงทุน (FVTPL) และรายได้ค่าธรรมเนียมด้านตลาดทุน ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio คาดอยู่ที่ 2.80% เพิ่มจาก 2.75% ใน 1Q25 จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ลูกหนี้ผิดนัดชำระมากขึ้น แนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 1.90 บาท/หุ้น โดยคาดครึ่งแรกของปี 68 ประกาศจ่ายปันผลที่ 0.065 บ./หุ้น

สุดท้าย KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ ที่ 1.08 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากคา ขาดทุนรถยึดที่ -600 ล้านบาท จาก 1.71 พันล้านบาทในไตรมาส 267 และ 639 พันล้านบาทในไตรมาส 1/68 จากจำนวนขายรถยึดลดลง 

การควบคุมค่าใช้จ่ายภายในองค์กร เช่น ค่าใช้จ่ายพนักงาน  และค่าใช้จ่ายสาขา เป็นต้น  การลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ตามคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ แต่คงคำแนะนำ “ขาย”  ราคาเป้าหมาย 45 บาท เพราะเมอง KKP มีความเสี่ยงในเรื่องรายได้ด้านตลาดทุน และเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ ที่จะส่งผลต่อผลประกอบการ ส่วนครึ่งแรกปี 68 คาดปันผล 1.25 บาท

7-แบงก์ใหญ่.jpg