รายงานพิเศษ : NKT ชูจุดแข็งรักษาโรคซับซ้อน ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Medical Tourism เร่งเปิดนครธน 2 –ดึง AI เสริมศักยภาพ
บมจ.โรงพยาบาลนครธน (NKT) มีสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้ากลยุทธ์การขยายบริการและการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาเสริมประสิทธิภาพ ล่าสุดเร่งพัฒนาโครงการ “นครธน 2” รองรับความต้องการ พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ รวมถึงขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Medical Tourism ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองหาการรักษาพยาบาลคุณภาพสูงในไทย
NKT เติบโตรับกระแสสุขภาพ
โรงพยาบาลนครธน ภายใต้การบริหารงานของ 2 แม่ทัพใหญ่ คือ รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท และ แพทย์หญิง ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลในไทย จากปัจจัยสนับสนุนด้านการขยายตัวของตลาดสุขภาพ โดยเฉพาะกรณีที่โรงพยาบาลและการแพทย์ของประเทศไทยมีศักยภาพสูง ราคาถูก สามารถแข่งขันกับประเทศชั้นนำของโลกได้
ที่สำคัญ โรงพยาบาลนครธน มีมาตรฐานและความปลอดภัย มีบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง มีความทันสมัยของเทคโนโลยีทางการแพทย์ และมีความสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มองหาการรักษาพยาบาลคุณภาพสูงในไทย (Medical Tourism)
เน้นให้บริการรักษาโรคซับซ้อน
แพทย์หญิง ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ กล่าวว่า โรงพยาบาลนครธน มีจุดเด่นด้านการให้บริการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน (โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ) โดยมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 20 ศูนย์ เช่น ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ทันตกรรม เป็นต้น และมีแผนกการรักษาผู้ป่วย 1 แผนก ได้แก่ แผนกไตเทียม รวมถึงมีความพร้อมด้านทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์เฉพาะทางและสาขาเฉพาะทางอื่น ๆ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับการรักษาเพื่อตอบสนองการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการรักษา (Medical) แบบองค์รวม
ใช้ AI เสริมศักยภาพทางการแพทย์
โรงพยาบาลนครธน ได้นำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการให้บริการอยู่ตลอดเวลา และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น “ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้” ที่เปิดให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิสูงขึ้น และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ นับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากในอนาคต
เร่งเปิด “นครธน 2” ปลายปีนี้
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2568 โรงพยาบาลนครธน เดินหน้าแผนขยายการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย จำนวน 151 เตียง คาดว่าจะเปิดให้บริการและเริ่มรับรู้รายได้ประมาณในช่วงปลายไตรมาส 4/2568, 2.โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลนครธน เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2569 และ 3.โครงการขยายจำนวนเตียงให้บริการของโรงพยาบาลนครธนอีก 95 เตียง จากปัจจุบัน 150 เตียง จะทยอยเปิดให้บริการในปี 2568-2570
ยกระดับการดูแลสุขภาพผู้สูงวัย
สำหรับการก่อสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 และ นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพผู้สูงวัยและผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ขณะที่การขยายจำนวนเตียงผู้ป่วยใน (IPD) รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการสุขภาพ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์มุ่งเน้นการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน เพิ่มศักยภาพการให้บริการและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมกับคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 8-10% ตามเป้าหมายที่วางไว้
โค้งแรกปีนี้มีรายได้กว่า 500 ลบ.
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) NKT มีรายได้รวมจำนวน 500.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 56.07 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ 11.20% ทั้งนี้ รายได้หลักสัดส่วน 98.78% เป็นรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลนครธน จำนวน 494.44 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากผู้ป่วยนอก (OPD) และรายได้จากผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งเติบโตกว่างวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย
บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้า 10.20 บ.
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” NKT ประเมินมูลค่าเหมาะสมเท่ากับ 10.20 บาท โดยระบุว่า รายได้ผู้ป่วยใน (IPD) เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร็วกว่าการเติบโตของผู้ป่วยนอก (OPD) ที่ 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขับเคลื่อนโดยการเพิ่มขึ้นของการผ่าตัดหัวใจในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ซึ่งช่วยเพิ่มการเรียกเก็บเงินเฉลี่ยของผู้ป่วยใน อย่างไรก็ตาม ปริมาณโดยรวมทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในยังคงอ่อนแอเนื่องจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและความกังวลของผู้ป่วยเกี่ยวกับการร่วมจ่าย
ผู้บริหารยืนยันเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2568 ที่ 8-10% ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากการขยายกำลังการผลิตทั้งในผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน พร้อมกับความเข้มข้นของรายได้ที่ดีขึ้น รายได้ในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขับเคลื่อนโดยการเรียกเก็บเงินเฉลี่ยที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันสังเกตว่าการระบาดของไข้หวัดตามฤดูกาลและ COVID มีผลกระทบต่อรายได้โรงพยาบาลน้อยมากจนถึงตอนนี้