ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (Premier League) ถือเป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ทั้งในแง่จำนวนผู้ชม, มูลค่าทางเศรษฐกิจ, และอิทธิพลทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในประเทศไทยและเอเชียก็ถือว่า "พีคสุดๆ" จึงเป็นโอกาสทองของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน)หรือ MONO
ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในขณะที่ฤดูกาลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2568/2569 กำลังจะเปิดฉากอย่างดุเดือดที่สุดในรอบหลายปี JAS ไม่ได้แค่ถ่ายทอดสด แต่มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่ม โดย Monomax ของ MONO ใช้โมเดลแบ่งรายได้รายสมาชิกที่ 50 บาท/สมาชิก และ PLANB เดินเกมรุกด้วยกลยุทธ์ “4Os” แบบครบทุกช่องทาง
เป้าหมายคือเจาะผู้ชมให้ได้ถึง 2–3 ล้านราย โดยจุดคุ้มทุนอยู่ที่ 1.3 ล้านราย โดยเฉพาะเมื่อการให้สิทธิ์ชมฟรีไทยลีก ถูกผูกกับแพ็กเกจเน็ตมือถือ-บรอดแบนด์ ผ่านพันธมิตร ADVANC–GULF–JAS ดันให้กระแสฟุตบอลกลายเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของฐานลูกค้า ADVANC ตั้งเป้ารุกเพิ่มฐานผู้ใช้ด้วยฟุตบอล ส่วน MONO กับ PLANB กำลังจะได้ฐานแฟนบอลมาเป็นลูกค้าเพิ่มเช่นกัน
ฤดูกาล 2568 –2569 ร้อนแรง
แม้ฤดูกาล 2567–2568 จะเพิ่งจบลง แต่กระแสฟุตบอลไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับเร่งเครื่องเข้าสู่โหมดเต็มสปีดทันที เมื่อลิเวอร์พูลภายใต้ผู้จัดการใหม่ Arne Slot คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ทาบสถิติสูงสุดของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ยังไม่ทันฉลอง ตลาดนักเตะก็เดือดทันที โดยแต่ละสโมสรเร่งปิดดีลในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลให้ฤดูกาล 2568–2569 มีโอกาสเปิดสนามอย่างดุเดือดตั้งแต่นัดแรก
ส่องฐานแฟนบอลในไทย
จากผลสำรวจของ NIDA Poll ปี 2565 พบว่า 61.5% ของคนไทยติดตาม EPL โดยมีแฟนเหนียวแน่นรับชมตลอดฤดูกาลราว 4.4 ล้านราย ขณะที่ข้อมูลจาก Nielsen ปี 2568 ระบุว่า มีคนไทยที่สนใจ EPL สูงถึง 8.4 ล้านราย และมี3.6 ล้านรายพร้อมจ่ายเงินเพื่อรับชม EPL
นอกจากนี้ การประเมินจาก Nielsen Sports, TGM Research และ We Are Social บ่งชี้ว่า มีผู้ติดตาม EPL รวมสูงถึง 29.3 ล้านราย โดย 87% รับชมเป็นประจำ และประมาณ 6 ล้านรายเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นสมาชิก ซึ่งมากกว่าฐานลูกค้าปัจจุบันตามสมมติฐานถึง 5 เท่า แม้แต่รถพาเหรด “The Kop” ของลิเวอร์พูลในไทยก็สะท้อนวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลระดับชาตินี้ได้ชัดเจน
สำหรับปัจจุบัน คาดมีสมาชิกแบบจ่ายเงินอยู่ราว 1.2 ล้านราย ภายใต้แพ็คเกจที่มีรับชมลิขสิทธิ์ EPL แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จ่ายเพื่อรับชม EPL โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อค่าแพ็กเกจปัจจุบันอยู่ที่ 599–799 บาท/เดือน ขณะที่ JAS เตรียมเปิดแพ็กเกจรับชม EPL ที่ 329 บาท/เดือน (ลดลง 45–60%) อาจช่วยเจาะทั้งกลุ่มผู้ใช้เดิมและแฟนบอลสายประหยัดที่ยังไม่เคยสมัครรับชม
วิเคราะห์หุ้น MONO
ด้วยต้นทุนคงที่ต่ำ และไม่มีภาระค่าลิขสิทธิ์ MONO จะถึงจุดคุ้มทุนที่สมาชิกเพียง 660,000 ราย (รายได้ราว 30–35 ล้านบาท/เดือน) หลังจากนั้น จำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นจะสร้างกำไรเฉลี่ยราว 30 บาท/ราย (คิดเป็นอัตรากำไรที่ 60%)
ทั้งนี้ประมาณการกำไรจากดีล EPL ของ MONO แต่ละกรณี 1.Worstcase (1 ล้าน subs) กำไรสุทธิ 120 ล้านบาท/ปี (70 ล้านบาทในปี 2568 ช่วงเวลา 7 เดือน) 2.Base case (2 ล้าน subs) 480 ล้านบาท/ปี (280 ล้านบาทในปี 2568) และ 3.Best case (3 ล้าน subs – เป้าหมายของ JAS) 840 ล้านบาท/ปี (490 ล้านบาท ในปี 2568)
โดยมองจำนวน subs แตะแค่กรณี worst case ก็ถึงจุดคุ้นทุนแล้ว หากแตะ 2 ล้าน subs EPS จะเพิ่มขึ้น 0.14 บาท ซึ่งจะเทียบเป็นราคาหุ้นราว 2.80 บาท (อิงจาก PER ที่ 20 เท่า) นอกจากนี้ ดีล EPL นี้อาจสร้างแบรนด์ Monomax ให้ติดตลาดมากขึ้น
วิเคราะห์หุ้น JAS
JAS แบกรับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ EPL เต็มทั้งก้อน ส่งผลให้จุดคุ้มทุนอยู่ที่ 1.3 ล้าน subs (ค่าสมาชิกอยู่ที่ 329 บาท/เดือน) โดยมีต้นทุนค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ราว 3.8 พันล้านบาท จ่ายให้ MONO อีก 780 ล้านบาท และ ค่าดำเนินการอื่น ๆ ราว 1.3 พันล้านบาท หากพ้นจุดคุ้มทุนแล้ว JAS จะทำกำไรต่อราย ประมาณ 180 บาท (อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 55%) ซึ่งหลังจากนั้นกำไรจะเพิ่มแบบก้าวกระโดด
สำหรับ MONO และ JAS คือตัวเปิดเกม แต่การแข่งขันของจริงอยู่ที่ฝั่ง Telco โดย JAS แม้จะวางตัวเป็นกลาง แต่ก็มีแนวโน้มเอียงไปทาง ADVANC ขณะที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมโทรคมฯ ก็อาจมีอาวุธชิงตลาดมือถือและบรอดแบนด์ได้เช่นกัน ในเกมนี้คอนเทนต์คือราชา และ EPL+TPL อาจเป็นหมัดเด็ดที่ช่วยให้ ADVANC ชนะ (JAS ไม่ได้ปิดโอกาสร่วมมือกับค่ายใดเป็นพิเศษ แต่ ADVANC จะมี TPL รวมด้วย)
ขณะที่ JAS ผนึกกำลังกับ PLANB ผู้นำสื่อนอกบ้านของไทย เปิดตัวแคมเปญ 4Os แบบจัดเต็มทั้งถนน, ออนไลน์, โทรทัศน์ และกิจกรรมภาคสนาม ร่วมกับ MONOMAX ในการวางคอนเทนต์ EPL ให้กลายเป็นที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะบนจอ บนถนน หรือในสนาม
และยังไม่หยุดแค่นั้น JAS จับมือกับพันธมิตรอย่าง Siamsport ผู้นำคอนเทนต์ฟุตบอลของไทย พร้อมเสียงพากย์ไอคอนิคอย่าง แจ็คกี้ อดิสรณ์ และ บูรณิจฉ์ (บอ.บู๋) มาเป็นแนวหน้า สะท้อนว่า JAS ไม่ได้แค่ถ่ายทอดฟุตบอลแต่กำลัง “เปลี่ยน EPL ให้เป็นปรากฏการณ์ระดับชาติ”
สรุปสุดท้ายหุ้นไหนได้ประโยชน์? MONO ต้นทุนต่ำ กำไรสูง เน้นปริมาณ พร้อมโอกาสสร้างแบรนด์ระยะยาว JAS เล่นเกมใช้ leverage สูง แต่มีโอกาสทำกำไรระเบิด หากฐานสมาชิกทะลุเป้า และกลุ่ม Telco เผชิญการแข่งขันที่แท้จริง แต่ใครรวม EPL เข้า bundle ได้แนบเนียนที่สุด อาจกลายเป็นผู้ชนะในตลาดมือถือ-เน็ตบ้านรอบถัดไป