ด้วยภาวะของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันที่ยังคงไร้ทิศทางและขาดความแน่นอนในหลายๆด้าน ก็เชื่อว่านักลงทุนหลายๆคนในตอนนี้ อาจจะเริ่มมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศทดแทน เพื่อเป็นแหล่งพักเงินหรือสร้างผลตอบแทนให้แก่พอร์ตลงทุน
และถ้าจะพูดถึงตลาดที่ดัชนีมีความเคลื่อนไหวได้โดดเด่นในตอนนี้ก็คงไม่พ้นตลาดหุ้นเวียดนามที่เข้าไปอยุ่ในเรดาห์ลงทุนของนักลงทุน ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้หยิบยกมุมมองการลงทุนในตลาดดังกล่าวมาฝากให้แก่นักลงทุนและผู้อ่านที่สนใจกัน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่าปัจจุบันเป็นโอกาสที่ดีในเก็บหุ้นเวียดนาม เนื่องจากล่าสุดได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 10 ของกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการแล้ว ช่วยให้เวียดนามมีโอกาสขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้าขนาดใหญ่และมีการเติบโตสูง เช่น จีน,อินเดีย, บราซิล เป็นต้น
ขณะเดียวกัน แนวโน้มที่ประเทศเวียดนามมีโอกาสปรับเข้าสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) มากกว่าที่เคย โดยจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น หนุนโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นเวียดนามในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า
พร้อมกันนี้เหุตผลที่ควรลงทุนในเวียดนาม มีแรงสนับสนุนจากการปฏิรูประบบราชการของภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเอื้อต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในระยะยาว มีโอกาสถูกยกระดับเข้าสู่ดัชนี FTSE Emerging Market ภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนฟันด์โฟลว์ได้เพิ่มเติม และคาดขนาดเศรษฐกิจเวียดนามจะมีขนาดใหญ่ ติดท็อป 20 โลก ภายในปี 2036
สำหรับกองทุนแนะนำเป็น PRINCIPAL VNEQ-A ลงทุนในประเทศเวียดนามที่มี ศักยภาพและโอกาสเติบโตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นเวียดนามในไทยที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นและสม่ำเสมอ โดยเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางประมาณ 20-30 ตัว
เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่าแม้แนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้จะมีความท้าทายสูงจากผลกระทบของสงครามการค้า แต่การเติบโตของการบริโภคภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การท่องเที่ยวที่เติบโตเด่น และการเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นเวียดนามนอกเหนือจากโอกาสในการยกระดับจาก FTSE Frontier Market เป็นEmerging Market แล้ว ดังนั้น ธีมการลงทุนที่น่าสนใจ และสามารถลงทุนผ่าน DR ได้คือนโยบายการขยายเมืองของรัฐบาลหรือที่เรียกว่า Satellite Towns
รวมไปถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาถูกเพื่อรองรับการเติบโตของประชากรรายได้ปานกลาง ซึ่งการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นปัจจัยหนุนโดยตรงต่อธุรกิจของ MWG (MWG19) อีกทั้งยังส่งผลมายังการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งจะเป็นบวกกับ VCB (VCB19) และ VNM (VNM19) เช่นกัน