AOT ระส่ำ! โบรกฯ สั่ง "ขาย" เหตุ “คิง เพาเวอร์” ขอเลิก Duty Free จับตาวันนี้แถลงข่าวด่วน! แนวทางแก้ปัญหา
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่าจากกรณี ที่ King Power ยื่นหนังสือต่อ AOT ขอยกเลิกสัญญา Duty Free โดยอ้างผลกระทบจากโควิด เศรษฐกิจตกต่ำ สงคราม กำแพงภาษี นักท่องเที่ยวจีนหายกดดันยอดขายลดลง
รวมถึงการขอคืนพื้นที่ก่อนหน้านี้ทำให้ขาดทุนหนัก จึงขอเจรจายุติภายใน 45 วัน โดยรายได้ Duty Free ของ 4 สนามบินนี้คิดเป็น 2.3-2.5 พันล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมองข่าวนี้เป็น “ลบ” ต่อ AOT โดยกระทบกำไร AOT ปี 2026 ประมาณ 10% และคาดว่าอาจมีการเจรจาเพิ่มเติมในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิในอนาคตซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อกำไร และเป้าหมายพื้นฐาน ด้วยเช่นกัน โดยรายได้ duty free ของสุวรรณภูมิคิดเป็นประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท/ปี จึงคงคำแนะนำ “ขาย” AOT พื้นฐาน 30 บาท
อย่างไรก็ตาม ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี (KPD) ได้ร้องขอต่อ AOT เพื่อขอหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการยุติสัญญาสัมปทานร้านค้าปลอดอากรในสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง การใช้จ่ายต่อหัวที่อ่อนแอ
ขณะที่การจ่ายเงินประกันขั้นต่ำตามสัญญากลับเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างมาก โดยนางสาวปวีณา รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ของ AOT จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 และคาดว่าจะได้ข้อสรุปร่วมกับคิง เพาเวอร์ ภายในระยะเวลา 2 เดือน
ในระหว่างช่วงการเจรจา คิง เพาเวอร์ยังได้ขอให้ AOT เรียกเก็บเพียง 20% ของรายได้ โดยไม่พิจารณาจากรายได้ประกันขั้นต่ำ (ซึ่งปัจจุบันใช้วิธีคิดจากส่วนแบ่งรายได้หรือยอดรายได้ประกันขั้นต่ำ แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
นอกเหนือจากสัญญาที่สนามบินทั้งสามแห่งดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าคิง เพาเวอร์ต้องการเจรจาใหม่เกี่ยวกับสัญญาธุรกิจดิวตี้ฟรีที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของธุรกิจดิวตี้ฟรีของบริษัท และกำลังประสบภาวะขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ในความเห็นของฝ่ายวิจัย เนื่องจากธุรกิจดิวตี้ฟรีเป็นธุรกิจหลักของคิง เพาเวอร์ ไม่คิดว่าบริษัทต้องการจะยุติการดำเนินงานในส่วนนี้ แต่เชื่อว่าคิง เพาเวอร์ต้องการเจรจาเพื่อลดจำนวนรายได้ประกันขั้นต่ำตามสัญญาที่ต้องจ่ายมากกว่า ในปี 2567 AOT ได้รับรายได้ประกันขั้นต่ำตามสัญญาจากคิง เพาเวอร์รวม 1.3 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท จากธุรกิจดิวตี้ฟรีที่สนามบินสุวรรณภูมิ และอีก 2 พันล้านบาท จากสนามบินดอนเมืองและสนามบินภูมิภาค
ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมความเสี่ยงนี้เข้าไปโดยตรงในประมาณการกำไร แต่ได้สะท้อนความเสี่ยงนี้ในการคำนวณมูลค่า DCF โดยตัดจำนวนเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ออกจากประมาณการกระแสเงินสดในอนาคตของ AOT จำนวนเงินนี้สมมติว่ามีการลดค่าตอบแทนขั้นต่ำ (MAG) ของคิง เพาเวอร์ลง 27% สำหรับทั้งสัญญาสัมปทานร้านค้าปลอดอากรและการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้เหลือในระดับที่ผู้เสนอราคาต่ำสุดเคยเสนอมาเมื่อตอนที่ AOT เปิดประมูลในปี 2562
หากสมมติการลดค่าตอบแทนขั้นต่ำของคิง เพาเวอร์ลง 27% ในประมาณการกำไร จะทำให้ประมาณการกำไรของ AOT ลดลง 15% เหลือ 1.7 หมื่นล้านบาท (จาก 2.0 หมื่นล้านบาท) ในปี 2569 และเหลือ 1.8 หมื่นลบ. (จาก 2.1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2570
เนื่องจากการเจรจาระหว่าง AOT กับคิง เพาเวอร์ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ PE อยู่ที่ 26 เท่า (คำนวณจากกำไร 1.7 หมื่นลบ. ในปี FY26F) และ 24 เท่า (คำนวณจากกำไร 1.8 หมื่นลบ. ในปี FY27F) ซึ่งถือว่าไม่น่าสนใจ จึงยังคงคำแนะนำ “ขาย”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 มิ.ย. 68) AOT จะมีการจัดงานแถลงข่าวแนวทางการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยมี น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT พร้อมด้วยผู้บริหารร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้
ยอดนิยม
%20copy_0.jpg)
AOT ระส่ำ! โบรกฯ สั่ง "ขาย" เหตุ “คิง เพาเวอร์” ขอเลิก Duty Free จับตาวันนี้แถลงข่าวด่วน! แนวทางแก้ปัญหา
_0.jpg)
หุ้นพลังงานติดเทอร์โบ! โบรกฯ คาดน้ำมันดิบจ่อพุ่งเกิน 80 ดอลลาร์ฯ หลังความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านยังไร้ทางออก
_0.jpg)
หุ้นไทยซึมยาวรอชั้น 14 เตือนระวังความไม่แน่นอนการเมือง ลามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดสุญญากาศ
%20copy_0.jpg)
CBG ราคาดิ่งแรง โดนหางเลขศึกไทย-กัมพูชา หากโดนแบนสินค้า อาจฉุดกำไร
%20copy_0.jpg)