Wealth Sharing

Entertainment Complex เมกะโปรเจกต์ใหญ่ กับคำถาม “การลงทุนคุ้มค่าหรือไม่?”


12 มิถุนายน 2568

Entertainment Complex_S2T (เว็บ) copy.jpg

เมื่อศูนย์รวมความบันเทิง (Entertainment Complex) กำลังจะเป็นอีกหนึ่งความหวังของรัฐบาลไทย ที่จะผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายให้ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 ของโลกในด้าน Entertainment Complex ภายใน 10 ปีรองจากลาสเวกัสและมาเก๊า

แต่มีคำถามใหญ่ คือ การลงทุนจะคุ้มค่าไหม? ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ย.2568 รัฐบาลไทยได้ยืนยันว่าร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์รวมความบันเทิง (Entertainment Complex) ได้จัดทำเสร็จสมบูรณ์ และกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา 

โดยตั้งเป้าให้สามารถผ่านความเห็นชอบภายในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไฮไลต์สำคัญอยู่ที่แนวคิดการพัฒนา เมกะโปรเจกต์ ที่รวมคาสิโนแบบถูกกฎหมาย, โรงแรมระดับลักชัวรี, สวนสนุก และแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ภายใต้ระบบ “super licenses” ที่เปิดให้เฉพาะกลุ่มกิจการร่วมค้าเข้าประมูล 

พร้อมกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้น 1 แสนล้านบาทต่อโครงการ ความคาดฝันระยะยาวของโครงการ คือ การผลักดันไทยให้ขึ้นแท่นเป็น อันดับ 3 ของโลกในด้าน Entertainment Complex ภายใน 10 ปีรองจากลาสเวกัสและมาเก๊า

สิ่งที่รัฐบาลคาดหวังจากการทำโครงการนี้

1.สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 1.19–2.38 แสนล้านบาท/ปี

2.เพิ่มรายได้ภาครัฐสูงถึง 3.9 หมื่นล้านบาท/ปี

3.กระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มขึ้น 5–20% จากฐานเดิม และช่วยจัดการอุปสงค์เรื่อง Low Season

4.สร้างงานกว่า 15,000 ตำแหน่ง/โครงการ

5.ยกระดับการใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเป็น 70,000 บาทต่อราย

โดยทำเลที่พอมีศักยภาพ เป็นข่าว และอาจเกิดขึ้นได้ (Potential Location) เช่น EEC (เมืองการบินอู่ตะเภา),กรุงเทพฯ (เช่น ท่าเรือคลองเตยเป็น Smart City), เมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี เป็นต้น (ต้องติดตามจากรัฐบาลต่อ)

แม้ภาพรวมจะดูดี แต่ก็มีคำถามใหญ่ คือ การลงทุนจะคุ้มค่าไหม? โดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขที่ต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท สำหรับคนไทยที่ต้องการเล่นในคาสิโน ซึ่งตามข้อมูลของ ธปท. อาจจะมีแค่ 1% ของบัญชีเงินฝาก ทำให้หากต้องการแตะเป้าหมายที่ 5 ล้านราย/ปี ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งก็ยังมีตัวเลือกจากคู่แข่งมากมายทั้ง สิงคโปร์ มาเก๊า และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ได้จัดทำประมาณการทางการเงินเชิงลึก โดยสมมติว่าจะมีการออกใบอนุญาตทั้งหมด 3 ฉบับ และมีรายได้จากกิจการคาสิโน (Gross Gaming Revenue: GGR) รวมที่ 7.5 หมื่นล้านบาท (ใช้ประมาณครึ่งหนึ่งของสิงคโปร์ก่อน) และให้เข้า 3 แห่งเท่าๆ กัน และมีสัดส่วนรายได้ non-gaming อยู่ที่ 30% เหมือนกัน 

โดยคาดว่าแต่ละแห่งอาจสร้างกำไรสุทธิราว 4.6 พันล้านบาท/ปี (อัตรากำไรสุทธิ 17%, EBIT margin 29%) ซึ่งแม้กรณีศึกษานี้จะเป็นแบบอนุรักษ์นิยม และดูไม่ใช่กำไรในระดับมหาศาล แต่สามารถขยายขนาดได้ในระยะยาว

หุ้นที่อาจได้ประโยชน์

1.ผู้เล่นหลักที่มีกระแสข่าว: ผู้ที่เคยมีข่าวว่าจะลงทุนในโครงการที่เกี่ยวเนื่อง เช่น BTS, VGI, BA, STECON, MBK, AWC

2.กลุ่มเกี่ยวโยงการวางโครงสร้างพื้นฐานโครงการ และการลงทุนต่อเนื่อง CK, STECON, CPN, SIRI, MCOT, ROCTEC, BA, BTS, BBL, KBANK, KTB

3.กลุ่มที่จะได้ประโยชน์หลังเปิดดำเนินการ อาทิ สื่อ อีเวนต์ โฆษณา VGI, PLANB, WORK กลุ่มค้าปลีก/ห้างสรรพสินค้า: CRC, MBK สายการบิน: BA, AAV โรงแรม: AWC, MINT, CENTEL กลุ่มสาธารณูปโภค: ไฟฟ้า น้ำ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับเป้าหมายระยะยาวของรัฐในการพัฒนา Entertainment Complex ยังมุ่งเป็น เครื่องยนต์ใหม่ของการท่องเที่ยวแบบตลอดทั้งปี ลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซันอย่างเดียว หนุนการเติบโตระยะยาวของกลุ่มสายการบิน โรงแรม และค้าปลีกโดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว

Entertainment Complex_S2T (เพจ) copy.jpg