Talk of The Town

BTS พลิกบวก! งบปี 67/68 โกยกำไร 2,117 ล้านบาท จากรายการพิเศษ แต่ "ไม่มีปันผลให้"


04 มิถุนายน 2568

BTS แจงผลงานงวดปี 2567/2568 พลิกมีกำไร 2,117 ล้านบาท หลังรับ EBITDA ประจำเพิ่มขึ้น บันทึกกำไรพิเศษหลังแปลงสถานะ RABBIT และ ROCTEC พร้อมแจ้ง งดจ่ายเงินปันผลประจำปี

BTS พลิกบวก!_S2T (เว็บ)_0.jpg

นางสาวชวดี รุ่งเรือง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในปี 2567/68 มีรายได้รวมอยู่ที่ 28,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.9% จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรวมรายได้ของบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT และบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC จำนวนรวม 3,423ล้านบาท ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 หลังจากการเข้าซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (VTO)

ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จำนวน 3,368 ล้านบาท จากการเปลี่ยนสถานะของ RABBIT และ ROCTEC จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อยของบีทีเอส กรุ๊ป รวมถึงกำไรจากการขายเงินลงทุน จำนวน 252 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วย

ส่วนการลดลงของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 2,753 ล้านบาท หลังจากการเสร็จสิ้นงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูสายหลัก

ด้านกำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) อยู่ที่ 9,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ของธุรกิจ MIX และ MATCH รวมถึงการกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าอยู่ที่ 454 ล้านบาท

ขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้นของ EBITDA ประจำ ในธุรกิจ MIX สาเหตุหลักมาจากการกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน หลังจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน KEX ในเดือนมีนาคม 2567 รวมถึงการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ VGI

พร้อมกันนี้การเพิ่มขึ้นของ EBITDA ประจำ ในธุรกิจ MATCH สาเหตุหลักมาจากการรวมงบการเงินของบริษัทดังกล่าวข้างต้น แม้ต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้น แต่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 2,117 ล้านบาท (เมื่อเทียบกับผลขาดทุน 5,241 ล้านบาท ในงวดปี 2566/67) สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ EBITDA ประจำ และการบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการเปลี่ยนสถานะของ RABBIT และ ROCTEC

สำหรับแนวโน้มในปี2568/69 กลุ่มบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้น เป็น 28.5 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึง EBITDA ประจำ ที่คาดว่าจะเติบโตจาก 9.2 พันล้านบาท เป็น 12.0 พันล้านบาท

นอกจากนี้ หากบริษัทฯ ได้รับชำระหนี้ O&M ส่วนที่เหลือภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569 จะส่งผลให้เงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (CFO) เพิ่มขึ้นเป็น 39.0 พันล้านบาท และอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงิน (Leverage Ratio) จะลดลงเป็นประมาณ 1.0 เท่า

รายได้ในกลุ่มธุรกิจ MOVE ในปี 2568/69 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.9 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ O&M ที่คาดว่าจะเติบโตเป็น 7.6 พันล้านบาทและดอกเบี้ยรับเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าจำนวน 4.5 พันล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่าจำนวนเที่ยวเดินทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักจะอยู่ที่ 215 -220 ล้านเที่ยวคน ในปี 2568/69 และเติบโตเป็นประมาณ 240 ล้านเที่ยวคนในอีก 3 ปีข้างหน้า

ในส่วนของธุรกิจ MIX ถึงแม้ว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวม แต่ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านยังคงเติบโตตามการขยายตัวของเมือง โดยงบประมาณในการโฆษณาส่วนมากนั้นกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง

โดยหากมีการเริ่มใช้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของสื่อโฆษณาบนระบบขนส่ง (Transit Media) จากที่ได้กล่าวมา VGI คาดว่าจะรับรู้รายได้จำนวน 6.0 – 6.5 พันล้านบาทในปี 2568/69 โดยคาดการณ์เงินลงทุนไม่เกิน 1.0 พันล้านบาท (Capex)

สุดท้าย ในกลุ่มธุรกิจ MATCH คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568/69 จากการรวมรายได้ของRABBIT และ ROCTEC ในงบการเงินรวมของบีทีเอส กรุ๊ป เต็มปีโดยคาดว่าจะมีรายได้จากRABBIT จำนวน 7.0 พันล้านบาทและจาก ROCTEC จำนวน 3.4 พันล้านบาท ขณะที่เงินลงทุน (Capex) ในช่วงปีเดียวกันนี้คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 2.0 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ในงวดผลการดำเนินงานปี 2567/2568 หรือสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทได้งดจ่ายเงินปันผล

BTS