Wealth Sharing

สูตรหุ้นรอด 5-5-5-5 กลยุทธ์ลงทุนฉบับ ดร.นิเวศน์


27 พฤษภาคม 2568

นักลงทุนสายเน้นคุณค่า หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆว่านักลงทุน VI มักจะมีนักลงทุนทั่วไปไม่น้อยเลือกที่ใช้ความสำเร็จหรือแนวทางมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่ง “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ถูกนักลงทุนหลายยกย่องแนวทางการลงทุนมาประยุกต์การลงทุนในพอร์ตส่วนตัว

สูตรหุ้นรอด 5-5-5-5_WS (เว็บ).jpg

ดังนั้น ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้ทำการหยิบยกมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจมาฝากให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุน เพื่อเป็นเครื่องมือหรือตัวช่วยให้แก่นักลงทุนที่ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทย พร้อมกับเพื่อรับมือในช่วงที่ภาวะตลาดที่ซบเซาในช่วงนี้

โดยบทความที่เราจะหยิบยกมาพูดถึงในครั้งนี้ ก็คือ “สูตร” การลงทุนหุ้นที่จะ “เอาตัวรอด” ได้ในสถานการณ์แบบนี้ของตลาดหุ้นไทยอย่าง  “สูตรหุ้นรอด 5-5-5-5” ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้อย่างน้อยปีละ 5% แบบทบต้นในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยที่มีความเสี่ยงต่ำ  และแม้ว่าตลาดหุ้นโดยรวมจะไม่ดีในอีกหลายปีข้างหน้า  พอร์ตหุ้นนี้ก็จะสามารถทนทานกับภาวะเลวร้ายได้

เริ่มกันที่  หมายเลข 5 ตัวแรกคือการเลือกหุ้นที่ปัจจุบันจ่ายปันผลตอบแทนอย่างน้อย 5% ต่อปีขึ้นไป  ซึ่งเวลานี้ก็มีหุ้นแบบนี้อยู่จำนวนไม่น้อย  อย่างไรก็ตาม  ควรจะดูว่าเป็นการจ่ายปันผล  “ปกติ” คือเป็นการจ่ายจาก “กำไรปกติ” จากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา  จะจ่ายปันผล 100% ของกำไรก็ได้  เพราะในกลยุทธ์การเลือกหุ้นของเรานั้น  จะเน้นหุ้นที่มั่นคงแข็งแกร่ง  มีเงินสดเหลือเฟือที่จะรับกับสถานการณ์เลวร้ายทางเศรษฐกิจได้

ต่อมาเลข 5 ตัวที่สองก็คือ  หุ้นที่เลือกนั้น ต้องคาดการณ์และมั่นใจว่า  อีก 5 ปีข้างหน้า  ปันผลที่จะได้รับนั้น  ก็ยังไม่น้อยกว่า 5%  ซึ่งถ้าหุ้นตัวนั้นจ่ายปันผลตอบแทน 5% ต่อปีในวันนี้  ปันผลในอีก 5 ปีข้างหน้า เชื่อมั่นว่าจะไม่ลดลง  ยังคงจ่ายได้อย่างน้อยเท่าเดิมในวันนี้  อาจจะเพราะว่าหุ้นอยู่ในธุรกิจที่ยังไปได้เรื่อย ๆ  และแม้ว่าอาจจะไม่โตแต่ก็ไม่ลดลง  และบริษัทก็ยังน่าจะรักษาสถานะในการแข่งขันและทำผลกำไรได้เหมือนเดิม  ตัวอย่างง่าย ๆ  ก็เช่นในธุรกิจธนาคารที่อาจจะอิ่มตัวและการแข่งขันก็ไม่รุนแรง  และธนาคารส่วนใหญ่ก็มีการบริหารงานที่ดีในการลดความเสี่ยงของธุรกิจ  เป็นต้น

ถ้าหุ้นตัวนั้นจ่ายปันผลมากกว่า 5% ในวันนี้  เช่น จ่าย 6-8%  และเราเชื่อมั่นว่า  ในอีก 5 ปี ข้างหน้า  แม้ว่าธุรกิจจะตกลงมาบ้าง  กำไรก็อาจจะถดถอยลงบ้าง  แต่ยังไงเขาก็ยังรักษาระดับการจ่ายปันผลที่ทำให้เราได้รับปันผลตอบแทนจากราคาหุ้นในวันนี้ไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี  หุ้นตัวนี้ก็ยังเข้าข่ายที่เราจะเลือกซื้อหรือเก็บไว้ได้  อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่ต้องระวังก็คือ  แทนที่ปันผลจะลดลงเล็กน้อยในช่วง 5 ปี  มันอาจจะลดลงมากจนทำให้หุ้นหมดสภาพที่จะจ่ายปันผลได้ดีแล้ว  หายนะก็อาจจะเกิดขึ้นได้  ในกรณีแบบนี้  การดูสถิติการจ่ายปันผลย้อนหลังไปหลายปีจะช่วยให้เราวิเคราะห์ได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ อาจจะถือว่าเป็นข้อยกเว้น  ก็คือ  ในกรณีที่ปัจจุบันหุ้นจ่ายปันผลน้อยกว่า 5% ต่อปี เช่น  อาจจะ 2-3% ต่อปี  แต่เป็นการจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ  และมั่นใจว่าภายใน 5 ปี ปันผลที่จ่ายจะคิดเป็นไม่น้อยกว่า 5% จากราคาหุ้นในวันนี้  อาจจะเพราะธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งและมั่นคงมาก  ผลประกอบการของบริษัทยังเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ  โดยที่ไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไรมาขวาง  แบบนี้ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่เข้าข่ายจะเป็น  “หุ้นรอด” ได้แม้ว่าวันนี้อาจจะยังไม่ใช่ “หุ้นปันผล”

เลข 5 ตัวที่สามคือจำนวนของหุ้นใน “พอร์ตหุ้นรอด” ซึ่งจะเป็นหุ้นปันผลอย่างน้อย 5 ตัวที่เลือก จะต้องเป็นหุ้นที่มาจากอุตสาหกรรมหลากหลายอย่างน้อย 5 อุตสาหกรรมเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ในกรณีที่บางอุตสาหกรรมอาจจะประสบกับปัญหารุนแรงในช่วง 5 ปีข้างหน้า  

เลข 5 ตัวสุดท้ายก็คือ จะต้องตั้งเป้าหมายว่าพอร์ตนี้จะต้องถือต่อไปซัก 5 ปี  ถึงจะเห็นผลชัดเจน ในระหว่างนั้นก็คงจะพบว่าหุ้นบางตัวอาจจะดีเกินคาด  บางตัวก็ตามคาด  และบางตัวก็จะต่ำกว่าคาด  แต่ถ้าโดยรวมแล้วผลตอบแทนซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมปันผลที่ได้รับ  ได้ถึง “เป้า” คืออย่างน้อย 5% ต่อปี  ก็แสดงว่ากลยุทธ์นั้น  ใช้ได้  อาจจะไม่ต้องปรับอะไร  

แต่ถ้าผลตอบแทนบางปีต่ำกว่าที่คาด ก็ต้องประเมินว่าเกิดจากอะไร บางทีอาจจะเป็นสถานการณ์ชั่วคราว ก็ไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงหรืออาจจะเป็นเรื่องที่เลือกหุ้นผิด คือปันผลของหุ้นบางตัวลดลงมากและถาวร  ก็ต้องปรับพอร์ตตามสถานการณ์

สูตรหุ้นรอด-5-5-5-5.jpg