รายงานพิเศษ : NKT รับอานิสงส์ ฤดูฝนไข้หวัด-โควิด ระบาด กระตุ้นการใช้บริการโรงพยาบาลพุ่ง
ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาระบุปริมาณฝนรวมปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 5% ปริมาณฝนที่มากขึ้นจะมาพร้อมโรคระบาด ทั้ง ไข้หวัดใหญ่และโควิค ส่งผลดีต่อการเข้าใช้บริการในโรงพยาบาล โดยเฉพาะบมจ.โรงพยาบาลนครธน (NKT) สะท้อนจากการวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ที่แนะนำเข้าลงทุน “ซื้อ”
โดยบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า Gross Margin ของ NKT ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 29.9% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 4Q67 ที่ระดับ 27.2% และจาก 1Q67 ที่ 28.9% ซึ่ง NKT ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้ต่อบิลของทั้งกลุ่ม OPD และ IPD ปรับตัวสูงขึ้น และคาด 2Q68 มีผลการดำเนินงานเติบโต QoQ จากการเขาสู่ช่วงหน้าฝน หนุนการเข้ารับการรักษาทั้ง OPD และ IPD
และในปี 2568 บริษัทจะเริ่มให้บริการโรงพยาบาลนครธน 2 จํานวน 102 เตียง (จากทั้งหมด 151 เตียง) และโรงพยาบาลนครธน 1 จะเพิ่มจํานวนเตียงอีก 95 เตียง หนุนการเติบโตในระยะยาว เรายังคงคาดการณ์กําไรปี 2568 ที่ 286 ล้านบาท เติบโต 18.2% YoY ตามคาดการณ์รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการรับคนไข้กลุ่มประกันสังคมที่จะเพิ่มฐานคนให้ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้การเขาสู่สังคมผู้สูงอายุ หนน Demand ของโครงการ Nakornthon Long Life Center ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569
ซึ่งบริษัทประเมินมูลค่าหุ้น NKT สิ้นปี 2568 ที่ 12.20 บาท SOTP โดยปัจจุบัน NKT เทรดที่ Forward P/E ที่ 8.42X และ EV/EBITDA ที่ 4.23X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 34X และ 17X ตามลำดับ
ด้านบล.ทิสโก้ ระบุว่า NKT รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 56 ล้านบาท ลดลง 10% YoY แต่เพิ่มขึ้น 31% QoQ ดีกว่าประมาณการของเรา การอ่อนตัวของกำไร YoY มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายทางการตลาดและกิจกรรมหลัง IPO อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนของกำไรควรจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นใน 2Q-3Q ตามปัจจัยทางฤดูกาลของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผลักดันให้รายได้จากผู้ป่วยที่ชำระเงินสดเพิ่มขึ้น
รายได้สำหรับไตรมาสอยู่ที่ 501 ล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ การเติบโตของผู้ป่วยนอกยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการ เติบโตในไตรมาสนี้(เพิ่มขึ้น 2% YoY) แต่ถูกหักล้างด้วยรายได้จากผู้ป่วยในที่อ่อนตัวลง (ลดลง 2% YoY) แม้ว่าการเรียกเก็บเงินเฉลี่ยจะดีขึ้นทั้งสำหรับผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ที่ปริมาณยังคงอ่อนแอเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เกณฑ์การอนุมัติที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับการดูแลผู้ป่วยในจากบริษัทประกัน และความกังวลเกี่ยวกับการร่วมจ่าย สิ่งนี้ ส่งผลให้อัตราการครองเตียงลดลงเหลือ 67.2% เทียบกับ 73.2% ใน 1Q24
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจาก 30.1% ใน 1Q24 เป็น 30.7% ใน 1Q25 เนื่องจากการปรับปรุงความเข้มข้นของบริการ (เช่น การผ่าตัดหัวใจ) ในขณะเดียวกัน สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เพิ่มขึ้นจาก 14.4% ใน 1Q24 เป็น 16.3% ใน 1Q25 เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้นหลัง IPO โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน IPO จำนวนมากที่เห็นใน 4Q24 สัดส่วน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ในปัจจุบันควรเป็นระดับปกติสำหรับบริษัทต่อจากนี้ EBITDA margin สำหรับไตรมาสจึงอยู่ที่ 20.9% (เทียบกับ 22.3% ใน 1Q24)
และเมื่อมองไปที่ 2Q25 เราคาดว่ารายได้โรงพยาบาลจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากการเพิ่มขึ้นของกรณีไข้หวัดใหญ่และโควิด ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ NKT ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 10.20 บาท