Talk of The Town

3 ช่องทีวีดิจิทัลเหนื่อย! รายได้โฆษณา TV ยังหด!


15 พฤษภาคม 2568

จบไปแล้วสำหรับการประกาศผลการดำเนินงาน 3 หุ้นทีวีดิจิทัลชื่อดัง ทั้ง บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือBEC, บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE และบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK

3 ช่องทีวีดิจิทัลเหนื่อย!_S2T (เว็บ).jpg

แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ของ BEC จะมีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท เติบโต 203% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ยังมีแรงกดดับต่อตลาดสื่อโฆษณาโทรทัศน์โดยรวม จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางจากกหลายปัจจัย ส่งผลให้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ลดลง

โดยไตรมาส 1/2568 มีรายได้จากการขายเวลาโฆษณาของ อยู่ที่ 755.6 ล้านบาท ลดลง 13.9% จากไตรมาส 1/2567 เนื่องจากกำลังซื้อโฆษณาในไตรมาสแรกจะน้อยลงดามฤดูกาล

แต่ในส่วนของธุรกิจที่ผลักดันหลักๆ จะมาจาก รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่น ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากสามธุรกิจหลัก ได้แก่ รายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายละละครไปต่างประเทศ (Global Content Liceng) ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) และธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน (Events & Artist Management) โดยมีรายอยู่ที่ 238.5 ล้านบาท เติบโต 123.3% จากไตรมาส 1/2567 หลังรายได้ของธุรกิจจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน รวมทั้งธุรกิจการจำหน่ายละครไปต่างประเทศซึ่งใตรมาสนี้ขายสิทธิ์ละครได้เพิ่มขึ้น  

โดยสรุป รายได้จากการดำเนินงานของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 994.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากใตรมาสที่ 1/2567 ทั้งนี้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ยังคงเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 76% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายโฆษณาของ “ช่อง 33” เป็นหลัก

ขณะที่ฝั่งของ ONEE สาหัสพอสมควร เพราะผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 22.42 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของกำไรขั้นต้น ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ในกลุ่มธุรกิจ Content Marketing ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในภาพรวม และเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณา (TV Ads) ที่ลดลง 

รวมถึงในไตรมาส 1/2568 มี Content ใหม่ๆออกอากาศค่อนข้างน้อย และถึงแม้จะมีรายได้ในกลุ่มของ Idol Marketing ที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นมาชดเชย ทำให้รายได้รวมยังเติบโตได้ แต่จากการที่ในกลุ่มธุรกิจ Idol Marketing มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า ทำให้ไม่สามารถชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้เพียงพอ และเกิดผลประกอบการขาดทุนสุทธิในไตรมาสนี้

โดยมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Content Marketing รวม 780.77 ล้านบาท ลดลง 13.22% ตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณาสื่อโทรทัศน์ 

ขณะที่รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Idol Marketing เติบโตโดดเด่น 657.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.36% กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับกระแสความนิยมของโลก ซึ่งจากการที่บริษัทฯ มี Content ที่ได้รับความนิยมทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างศิลปินที่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับ และสร้างรายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้ได้อย่างต่อเนื่อง 

ส่วนฝั่งของ WORK ไม่แพ้กัน ไตรมาส 1/2568 มีผลขาดทุนสุทธิกว่า 24 ล้านบาท แรงกดดันหลักๆ มาจาก โดยรายได้จากธุรกิจรายการ โทรทัศน์รวมเท่ากับ 341.98 ถ้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ซึ่งบริษัทระบุว่า

ไปตามการลดลงของเม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ

ขณะที่รายได้จากการรับจ้างจัดงานของบริษัท ประกอบด้วย รายได้จากการจัดงาน Event ต่าง ๆ ทั้งที่เป็นการรับจ้างผลิตให้แก่บุคคลภายนอกและจัดขึ้นเองโดยบริษัท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เพราะมีงานที่สำคัญที่รับจัดงานให้แก่ลูกค้า ได้แก่ งาน Binanceth Street Of The Future Festival และงาน คาราวาน Birdy เอสเปรสโซ เป็นต้น

และที่น่าสนใจ บริษัทมีรายได้ในส่วนของรายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่น ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

โดยมีรายได้เท่ากับ 48.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 289% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักๆ เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจัดหาศิลปิน และขายสินค้าที่ระลึกของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ของบริษัท  อาทิเช่น 4EVE และ ATLAS 

สรุปภาพรวมของทั้ง 3 บริษัท แรงกดดันหลักๆ จะมาจากภาพรวมตลาดสื่อโฆษณาโทรทัศน์โดยรวมที่เป็นแรงกดดันสำคัญ จากสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ที่น่าจับตา ในธุรกิจบริหารศิลปินของทั้ง 3 บริษัท ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ที่ยังถือว่ามีสัดส่วนน้อย เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานรวมของบริษัท

ขณะที่แนวโน้มการเติบโตในปี 2568 ยังคงมีความท้าทาย จากเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และเศรษฐกิจโลก ที่มีผลต่อเม็ดเงินโฆษณา แต่ BEC นักวิเคราะห์คาดทั้งปี 68 จะมีกำไร 354 ล้านบาท เติบโต 268% ขณะที่ ONEE คาดกำไรลดลง 35% และ WORK หนักสุด คาดยังมีขาดทุนสุทธิ  39 ล้านบาท

โดย BEC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.54 บาท โดย อุตฯ สื่อทีวีมีแนวโน้มชะลอตัว แต่คาด BEC มีผลประกอบการโดดเด่นกว่ากลุ่มฯ จากการลดขนาดองค์กร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร และประสบความสาเร็จในธุรกิจภาพยนตร์หนุนกำไร (100 ลบ./ปี) นอกจากนี้ ฐานะการเงินแข็งแกร่งมีเงินสดฯ 4.8 พันล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 0.5 เท่า คาดให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 2%

ทั้งนี้คาดกำไรจะเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 4/68 จากภาพยนตร์ “ธี่หยด3” จึงยังคาดกาไรสุทธิปี 2568 ที่ 354 ล้านบาท เติบโต 268% จากปีก่อน หรือกำไรปกติ 354 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน

ส่วน ONEE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ขาย” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 2.00 บาท โดยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ต่ำกว่าคาด จาก GPM ที่ต่ำกว่าคาด ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลง 11% และปี 2569 ลง -5% เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของรายได้และ GPM ที่ช้ากว่าคาด โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 272 ล้านบาท ลดลง 35% จากปีก่อน และปี 2569 ที่ 358 ล้านบาท เติบโต 31% จากปีก่อนหน้า

ขณะที่ WORK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คงคาแนะนำ ขาย ราคาเป้าหมาย  4.70 บาท ผลประกอบการและราคาเป้าหมายปี 2568 มีโอกาสเกิด Downside จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคยังชะลอตัว ขณะที่บริษัทยังไม่มี Content ดีพอจะดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาไว้ได้ แม้ธุรกิจบริหารศิลปินจะเติบโตเด่น แต่ก็ยังมีสัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวม

ขณะที่คาดผลประกอบการไตรมาส 2/68 ฟื้นจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาลที่เป็นช่วง High season ของอุตฯ สื่อโฆษณา แต่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคยังคงชะลอตัว ทำให้ผลประกอบการปี 2568 มีโอกาสเกิด Downside อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังคงคาดขาดทุนสุทธิปี 2568 ที่ -39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าขาดทุนสุทธิ -243 ล้านบาท

3-ช่องทีวีดิจิทัลเหนื่อย!.jpg