รายงานพิเศษ : PTG แนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่ง ค่าการตลาดทรงตัวระดับสูง ราคาน้ำมันลด หนุนดีมานด์
บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เติบโตต่อเนื่อง อนาคตสดใส หลังค่าการตลาดเพิ่มขึ้น ตามสถานะกองทุนน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น หนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี โบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ”
บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ประกอบการธุรกิจน้ำมันภายใต้แบรนด์ PT และร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักติด Top 3 ของอุตสาหกรรม และจากการลงทุนที่มีทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน ทำให้เป็นหุ้นที่โบรกเกอร์ยังคงให้คำแนะนำเข้าลงทุน
บล.ดาโอ ออกบทวิเคราะห์ หุ้นPTG หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจพลังงานของไทย เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน PT ที่ครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันเป็นอันดับ 2 โดยระบุว่า บริษัทปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”) แต่คงราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท อิง PER 13X หรือเทียบเท่ำ -1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ประเมินแนวโน้มแรงกดดันค่าการตลาดลดลงจากสถานะกองทุนน้ำมันที่ดีขึ้นและแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปีจากภาวะ supply ที่เพิ่มขึ้นแต่ demand ฟื้นตัวช้าจะเป็น catalyst ให้กับหุ้น
ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 166 ล้านบาท ลดลง 36% จากปีก่อน และ 27% จากไตรมาสก่อน ลดลงทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน จาก Oil sales volume ที่ไม่โต ลดลง 2% จากปีก่อน, ทรงตัว จากไตรมาสก่อน
ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 1.60 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 3%จากปีก่อน ลดลง 3% จากปีก่อน ส่งผลให้ GP โดยรวมเติบโตเพียง 12% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน เพี่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน จากการขยายธุรกิจและเงินสนับสนุนงาน Motor GP คอยกดดัน เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ที่ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 19% จากปีก่อน
สมมติฐานหลักค่าการตลาดที่ระดับ 1.65 บาท/ลิตร ในขณะที่ oil sales volume เติบโตที่ราว +5% ทั้งนี้ค่าการในเดือน เม.ย. กลับขึ้นมาในกรอบ 1.7-1.8 บาท/ลิตร มีโอกาสที่จะทรงตัวในระดับสูงในช่วงที่เหลือของปีได้จากสถานะกองทุนน้ำมันที่ดีขึ้นและแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงลดแรงกดดัน ช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวใกล้เคียง SET ในช่วง 1-3 เดือน และปัจจุบันเทรดอยู่ PER 11X และอยู่ใน PER band -1.5SD ต่ำสุดในช่วง 7 ปี ในขณะที่ค่าการตลาดมีแรงกดดันน้อยลงจากสถานะกองทุนน้ำมันที่ดีขึ้นกอปรกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเป็นปัจจัยให้หุ้นกลับมา outperform ตลาดได้
ซึ่งการวิเคราะห์ของบล.ดาโอ เป็นไปในทิศทางเดียวกับการวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิป ที่คาดกำไรไตรมาส1/68 ลดลง จากไตรมาสก่อน, จากปีก่อน ซึ่งคาดกำไรไตรมาส 1/68 อยู่ระดับ 164 ล้านบาท ลดลง 28% จากไตรมาสก่อน 36% จากปีก่อน
ปัจจัยหลักมาจากกำไรขั้นต้นต่อลิตรลดลงและ SG&A เพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1.62 บาท/ ลิตร หรือ-1.8% จากไตรมาสก่อน ด้านปริมาณขายน้ำมันคาดทรงตัวจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้คาดมีปัจจัยหนุนจากกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ตามการเพิ่มสาขาของกาแฟพันธุ์ไทย +32% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตามคาด SG&A ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13%จากไตรมาสก่อน ตามการขยายสาขาและค่าสปอนเซอร์ Moto GP โดยรวมทำให้คาดว่า กำไรลดลง q-q, y-y
ค่าการตลาดเริ่มมีปัจจัยหนุน: จากการที่กบน.ได้มีมติให้ลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นผลมาจากฐานะกองทุนน้ำมันที่ติดลบลดลง คาดว่าจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อค่าการตลาด และมีสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี ดังนั้นมองว่าหากหุ้น ปรับตัวลงสะท้อนงบไตรมาส 1/68 ที่อ่อนตัวจะเป็นจังหวะเข้าสะสม และคงคำแนะนำ “ซื้อ”