ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนเมษายนนี้ ก็เป็นช่วงที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ในตลาดทุนไทยได้ประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งบางเจ้าก็ออกมาก็อาจจะออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์หรือต่ำกว่าคาด โยวันนี้ทางเราจะพาไปดูคาดการณ์ตัวเลขในไตรมาส 2/68 ของ7หุ้นธนาคารขนาดใหญ่กัน
เริ่มกันที่ BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 จะลดลงทั้งช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า จากการลดลงของ NIM, การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน(OPEX) ตามปัจจัยฤดูกาล จาก BBL จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจำนวนมากในไตรมาส 2 และ 4 ของทุกปี
ดังนั้น คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 160 บาท เนื่องจากปันผลต่อปีต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร หรือมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.8% โดยครึ่งปีหลังปี 67 ประกาศจ่ายปันผลคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4.4% ขึ้น XD วันที่ 23 เม.ย. 68 และคาดกำไรสุทธิปี 2568 เติบโตเพียง 1% ซึ่งเป็นระดับที่น้อยกว่ากลุ่มที่เพิ่มขึ้น 4%
KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 จะทรงตัวจากช่วงเดียวกัน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากทิศทางปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้รายได้ดอกเบี้ยคาดจะปรับลงต่อและการตั้งสำรองที่คาดจะกลับมาสูงขึ้น เพื่อรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น สำหรับทั้งปี 2568 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 51,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากปีก่อน
ทั้งนี้ แม้ผลดำเนินงานไตรมาส 1/68 จะออกมาดีกว่าคาด แต่ด้วยแนวโน้มกำไรสุทธิในช่วงที่เหลือของปี มีความเสี่ยงเรื่องการตั้งสำรองและ NIM ที่จะชะลอตัวมากขึ้น ทำให้ราคาหุ้นตอบรับเชิงลบเล็กน้อย ยังคงแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 175 บาท
SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 จะลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก NIM ที่ลดลงและกำไรจากการประเมินมูลค่าทางการตลาดที่ลดลงจากเครื่องมือทางการเงิน
ส่วนประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 4.38 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงมีแนวโน้มจะถูกกลบโดย NIM ที่ลดลง อย่างไรก็ดี แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 120 บาท เนื่องจาก SCB มีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีประมาณ 8%
TISCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ลดลงจากช่วงเดียวกัน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและอัตราการตั้งสำรองหนี้ฯที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน เนื่องจากอัตราการตั้งสารองหนี้ฯสูงขึ้น
ทั้งนี้ แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 90 บาท เนื่องจาก PE ปี 2568 ของ TISCO อยู่ที่ 12.5 เท่า โดย P/BV ณ สิ้นปี 2568อยู่ที่ 1.8 เท่า และ ROE ปี 2568 อยู่ที่ 14.8% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน P/BV ต่อ ROE ที่ 0.124 เท่า โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 0.087 เท่า
KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 จะลดลงจากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก NIM ที่ลดลงและกำไรจากการประเมินมูลค่าทางการตลาดที่ลดลงจากเครื่องมือทางการเงิน พร้อมกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 4.30 หมื่นล้านบาท ลดลง 2% ปีก่อน ตาม NIM ที่ลดลง
พร้อมกับ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท เนื่องจาก PE ปี 2568 อยู่ที่ 6.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 8.7 เท่า และ P/BV ณ สิ้นปี2568 อยู่ที่ 0.6 เท่า และคาด ROE ที่ 9.5% ในปี 2568 ส่งผลให้อัตราส่วน P/BV ต่อ ROE อยู่ที่ 0.068 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 0.085 เท่า
TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ลดลงจากช่วงเดียวกัน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แม้สินเชื่อรวมและ NIM มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามมองว่าจะถูกชดเชยกับการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง และประมาณกำไรสุทธิทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ 2.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 2.20 บาท เพราะมีผลประโยชน์ทางภาษีเหลือ 9.4 พันล้านบาท และการตั้งสำรองน้อยลงคาด ช่วยหนุนกำไรสุทธิในช่วง 2568 และปันผลต่อปีสูง คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 7% โดยครึ่งปีหลังปี 67 ประกาศจ่ายปันผลระหว่าง 0.065 บาท เป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.3% ขึ้น XD วันที่ 25 เม.ย. 68
KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกำไรไตรมาส 2/68 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน จากฐานต่ำในปีก่อนที่ตั้งสำรองฯสูงมาก แต่จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า จากสินเชื่อที่ลดลง สำหรับกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน ตามสินเชื่อที่ลดลงและสำรองฯที่ยังอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ดี แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 46 บาท จากการปรับกำไรและ P/BV ลง ขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากขาดทุนรถยึดที่มีโอกาสมากกว่าคาด และแนวโน้ม NPLs ที่จะสูงขึ้นมากกว่าคาดจากภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีการแข่งขันด้านราคาในระดับสูง รวมถึงตลาดหุ้นที่มีกฎเกณฑ์ในการซื้อขายมากขึ้นซึ่งจะทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงมากกว่าคาด