TISCO ไตรมาส3/67 กำไรลด 8.6% ฉุด 9 เดือนปีกำไรเหลือ 5.19 พันลบ. เหตุต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทมีกำไรในงวดไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 1,713 ล้านบาท ลดลง 8.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1% จากการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลัก พร้อมกับการรับรู้ผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น
ทั้งค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 9.9% จากการขยายตัวของส่วนแบ่งทางการตลาดของบล.ทิสโก้ และรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 6.6% ตามจากเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารนอกจากนี้บริษัทมีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า
ด้านรายได้ดอกเบี้ยสุทธิชะลอตัวลง 3% เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นตามการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝาก ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เป็นไปตามแผนการเพิ่มสำรองกลับสู่ระดับปกติรวมทั้งสะท้อนความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิลดลง 2.3% สาเหตุจากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจและผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักฟื้นตัว โดยเฉพาะจากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน สอดคล้องกับการฟื้นตัวของตลาดทุนไทย โดยค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 38.8% และค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 4.3%
นอกจากนี้ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันที่ 1.1% จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% ด้านสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ของบริษัทอยู่ที่ 5,199 ล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ตามแผนการเพิ่มสำรองกลับสู่ระดับปกติ พร้อมทั้งรองรับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง
สำหรับรายได้รวมจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น 2.9% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 1% ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 7.6% จากการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจวาณิชธนกิจ และผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL)
ประกอบกับค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัวได้ 2.7% ตามจากเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร อย่างไรก็ดี ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
ยอดนิยม
GULF ลั่นกรณี KBANK ซื้อหุ้นคืน จำกัดสิทธิ "ซื้อขายหุ้น" ของบริษัทไม่ได้ แม้ KBANK ร่อนหนังสือวอนห้ามจำหน่าย
“พงษ์ศักดิ์” ทุ่ม 3.5 พันลบ. เทนเดอร์ SVI หุ้นละ 7.50 บาท ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น
“เซียนมี่” รับทรัพย์ 146 ลบ. หลัง “พงศ์ศักดิ์” ทำเทรนเดอร์ หุ้น SVI ที่ราคา 7.50 บาท
โบรกฯ คาด IRPC พลิกมีกำไร ครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส หลังสต๊อกน้ำมันเป็นบวก-GIM พุ่ง