จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : DMT ปรับวิสัยทัศน์ต่อยอดธุรกิจ สร้างฐานรายได้เติบโตยั่งยืน


02 พฤษภาคม 2567
นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลส่งผลดีต่อบมจ. ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) อย่างไร และแนวทางการรับมือกับอายุสัมปทานที่กำลังจะหมดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร เราไปพูดคุยในเรื่องดังกล่าวกับ “ศักดิ์ดา พรรณไวย”  กรรมการผู้จัดการ DMT   

รายงานพิเศษ DMT copy.jpg

[บริษัท DMT ทำธุรกิจอะไร] 
บริหารโครงการสัมปทานทางยกระดับดอนเมืองช่วงดินแดงจนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ โดยมีรายได้หลักจากการจัดเก็บค่าผ่านทางภายใต้สัญญาสัมปทานในรูปแบบ Build-Transfer-Operate (BTO) อายุสัมปทานสิ้นสุดวันที่ 11 ก.ย. 2577 ปัจจุบันบริษัทกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 37 ถือเป็นวัยกำลังทำงาน และปีนี้เป็นปีที่เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นปีที่ 3  ซึ่งหลังเข้าจดทะเบียนทำให้เป็นบริษัทที่มีความภูมิฐานมากขึ้น  และเราได้ทำงานหลายอย่างทั้งวิศวกรรม  ขณะที่งานด้านทางยกระดับได้ปรับเข้าสู่มาตรฐานสากล ทั้ง ISO 9001  หรือ ISO 14001  ด้านสิ่งแวดล้อม  เพื่อให้ผู้ใช้ทางมั่นใจในความสะดวก  รวดเร็วและปลอดภัย 

[แนวทางในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ทาง]
บริษัทได้ติดตั้งระบบอำนวยการจราจรด้วยการระบบอัจฉริยะบนเส้นทาง  มีการติดตั้งกล้องทุก 300 เมตร ทำให้มั่นใจได้ว่าเราพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ใช้ทางตลอดเวลา  ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสีย 

[มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวส่งผลดีต่อบริษัท]
การที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อการใช้ทางของเรา เพื่อเข้าสู่สนามบิน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านสนามบินดอนเมือง ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปก็ใช้บริการผ่านทางของเราเพื่อเดินทางไปทางภาคเหนือ   แม้จำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบันจะยังไม่เท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด  แต่เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น 

[ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้อย่างไร] 
ปี 2567 เราตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นรายได้ประมาณ 2,600 -2,700  ล้านบาท  ขณะที่การจราจรปกติจะเติบโตประมาณปีละ 3-5% 
บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 10% จากปีก่อน ตามคาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 116,000 คันต่อวัน จากปี 2566 เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 106,907 คันต่อวัน สอดคล้องกับแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น มาตรการฟรีวีซ่าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน จำนวน 8.5 ล้านคนในปีนี้ ส่งผลให้คาดว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยปี 2567 จะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

[แผนการสร้างการเติบโตระยะยาว]
เนื่องจากอายุสัมปทานบริษัทจะหมดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า  ผู้บริหารและฝ่ายจัดการจึงได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในระยะยาว  

[กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ]
1.แผนการเพิ่มประสิทธิภาพ  โดยทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้ง พนักงาน  นักลงทุน  ผู้ถือหุ้น  เจ้าของสัมปทาน  เช่น การลงทุน   เราไม่ได้ดูมิติเดียว  เราดูถึงการคุ้มค่าของการลงทุน  ดูว่าประชาชนผู้ใช้ทางได้ประโยชน์อะไรมากขึ้น   และดูว่า เจ้าของสัมปทานหรือประเทศได้อะไร  เช่นการติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อป  แต่ละส่วนได้ประโยชน์อะไรบ้าง 
2. การเข้าประมูลโครงการ PPP    ซึ่งถ้าแผนด้านประสิทธิภาพประสบความสำเร็จก็จะส่งผลดีต่อการเข้าประมูลโครงการที่มีความได้เปรียบ มีต้นทุนที่ต่ำ  มีโอกาสชนะประมูลมากขึ้น 
3.การป้องกันความเสี่ยงด้านรายได้ โดยการหาแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น   ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือว่ามีกระแสเงินสดมาก จึงพร้อมที่จะลงทุนในธุรกิจอื่น  ทำให้ปัจจุบันกรรมการบริษัทได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของบริษัทเป็น บริษัทที่ประกอบกิจการธุรกิจ คมนาคมขนส่ง และธุรกิจอื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ล้ำสมัย ยั่งยืน และเรายังปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยเพิ่มแผนก New  Business   ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการรับผู้บริหารงาน  และคาดว่าภายใน 1-2 ปี จะเห็นภาพธุรกิจใหม่ที่ส่งผลดีต่อบริษัท 

[วัตถุประสงค์การตั้ง บริษัท เอ สยาม อินฟรา จำกัด]
ในปี 2566 ที่ผ่านมาได้จัดตั้ง บริษัท เอ สยาม อินฟรา จำกัดร่วมกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น โดยDMT ถือหุ้นใหญ่ 68.5%  เพื่อประกอบธุรกิจตรวจสอบและซ่อมบำรุงด้านงานวิศวกรรมโยธา  เพราะเราคิดว่าในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะมีการซ่อมแซมงานด้านโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างเยอะ  ซึ่งจะสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัท 
ส่วนการดำเนินธุรกิจหลัก ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการภาครัฐทุกส่วน ทั้งงานทางด่วน-ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง-ส่วนต่อขยายทางยกระดับ และโครงการทางด่วนอื่น ๆ รวมไปถึงทางเชื่อมและโครงการที่ไม่ใช่ทางด่วนหรือทางพิเศษ


[แผนการเข้าประมูลงาน] 
ปีนี้ภาครัฐจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมประมูลงาน  มี 2 โครงการ   ได้แก่ โครงการยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน  ระยะทาง 22 กม.  โดยเป็นโครงการที่ต่อจากดอนเมืองโทลเวย์ และโครการที่ 2 เป็นทางพิเศษระหว่างเมือง  บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ระยะทาง 25 กม.  ซึ่งทั้ง 2 โครงการ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล เงื่อนไขในการเข้าร่วมประมูล  

[ตั้งเป้าบริษัทในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร] 
ปัจจุบันเรามีเป้าหมายที่จะยกระดับมาตรการด้านวิศวกรรม  ทำให้3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจึงน่าจะได้ร่วมประมูลงานที่ภาครัฐเปิดให้เอกชนเข้าร่วมประมูลหรือ PPP บ้างอย่างน้อย 1 เส้นทาง  ส่วนบริษัท เอ สยาม ก็น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง  ก้าวกระโดด  และการลงทุนในธุรกิจใหม่ตามวิสัยทัศน์ น่าจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจและพนักงานมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น 

[ฝาก DMT กับนักลงทุน]
DMT เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีปันผลที่ดีต่อเนื่องประมาณปีละ  7-8 %  หรือไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ  ถือว่าอยู่ใน Top 10 ของตลาดหลักทรัพย์   ซึ่งอยากให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมั่นใจในทีมบริหารของ DMT  ว่าเราทำงานยกระดับประสิทธิภาพ ทั้งมาตรฐานด้านวิศวกรรม  ด้านการเงินและการบริหารจัดการ เพื่อมุ่งมั่นในการสร้างผลประกอบการที่ดีต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
DMT