จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : TFG รับอานิสงส์อากาศร้อนดันราคาหมูพุ่ง เร่งเปิด Retail Shop หวังเพิ่มรายได้สร้างกำไร


24 เมษายน 2567

บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป  (TFG)  รับอานิสงส์ราคาหมูปรับเพิ่ม หลังประเทศไทยเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลต่อผลผลิตสุกร ขณะเดียวกันเร่งเปิด  Retail Shop  เพิ่มรายได้หนุนผลงานพลิกมีกำไร

รายงานพิเศษ TFG copy.jpg

สภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้  ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกประเภทไม่เว้นแม้แต่สุกร โดย นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ยอมรับว่าขณะนี้หลายพื้นที่ประสบปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้สุกรปรับสภาพไม่ทัน และในบางพื้นยังมีพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง และมีลูกเห็บตกซ้ำเติม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสุกรเป็นอย่างมาก  ทำให้เกิดอัตราเสียหายสูงขึ้นอีก

"ปกติอากาศร้อนก็ทำให้สุกรโตช้า จากความเครียด ที่ทำให้กินอาหารน้อยลงอยู่แล้ว เมื่อต้องมาประสบกับสภาพอากาศแปรปรวน ยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสุกร โดยเฉพาะในลูกสุกรแรกคลอด และแม่สุกรช่วงปลายของการอุ้มท้อง โดยลูกสุกรจะมีสภาพอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย ด้านแม่สุกรเกิดความเครียด ซึ่งบางส่วนอาจถึงกับเกิดภาวะแท้ง ทำให้ผลผลิตสุกรเกิดความเสียหาย และมีปริมาณลดลง อัตราการสูญเสียในฟาร์มสูงกว่า 30-40%" นายสุนทราภรณ์ กล่าว

ขณะเดียวกันการที่ราคาหมูที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป  (TFG)  ซึ่งสะท้อนจากมุมมอง นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ที่ระบุว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เทียบปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 55,871 ล้านบาท และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากปีที่ผ่านมาขาดทุนสุทธิ 812.5 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาสุกรที่ลดลง จากปัญหาลักลอบนำเข้าสุกรเถื่อน รวมไปถึงต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

"มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของ TFG ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาสุกรที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งในส่วนของราคาสุกรในประเทศ หลังจากรัฐบาลเดินหน้าปราบปรามสุกรเถื่อน ขณะที่ราคาสุกรในเวียดนามเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ จากซัพพลายที่ลดลง โดยตั้งเป้ายอดขายสุกรในเวียดนามเพิ่มขึ้น 20-25% เทียบปีที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการภายในทั้งในส่วนของการบริหารจัดการวัตถุดิบ เพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง และราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มลดลง"

ขณะที่ในส่วนของ ร้าน "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" (Retail Shop) ปัจจุบันมี 350 สาขา โดยปี 2567 วางเป้าแต่ละสาขามียอดขายประมาณ 130,000-150,000 บาท/วัน หนุนรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

[โบรกฯคาดQ1/67 ยอดขายโต]

ด้านบล.KGI  ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า TFG จะขาดทุนสุทธิ 386 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 ซึ่งเป็นการขาดทุนลดลง จากช่วงไตรมาส 4/66 โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน และ2% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 1.48 หมื่นล้านบาท 

โดยธุรกิจร้านค้าปลีกจะยังคงเป็นตัวหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต และ เราคาดว่า TFG จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 380 ร้าน จาก 350 ร้านในไตรมาส 4/66 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหมูน่าจะยังเป็นตัวถ่วงที่สำคัญ เพราะราคาหมูยังอ่อนแออยู่

ส่วน GPM คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.9% โดยสาเหตุสำคัญจะมาจากมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจไก่ ซึ่งได้อานิสงส์จากการส่งออกที่แข็งแกร่ง, ราคาไก่ในประเทศสูงขึ้น และ ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง อย่างไรก็ตาม GPM น่าจะลดลงอย่างมากจากปีก่อน เนื่องจากราคาหมูที่ลดลง ซึ่งคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะลดลงเล็กน้อย เพราะยอดขายเพิ่มขึ้น 

แต่คาดว่า SG&A ต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เพราะผลกระทบจากต้นทุนค่าระวางขนส่งที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะยังสูงอยู่ที่ 290 ล้านบาท 
นอกจากนี้ เราคาดว่า TFG จะบันทึกผลขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ 30 ล้านบาท  เนื่องจากราคาหมูสิ้นไตรมาสลดลง แต่อย่างไรก็ตามจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และ สถานการณ์หมูเถื่อนที่ดีขึ้น เราคาดว่าราคาหมูน่าจะฟื้นตัวได้ใน ไตรมาส 2/67 

ซึ่งเมื่อประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง ทำให้เราคาดว่า GPM น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่า GPM ของ TFG จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  เพราะยอดขายส่วนใหญ่มาจากหมูเป็น ซึ่ง GPM อ่อนไหวกับการเปลี่ยนแปลงของราคามากกว่า อย่างไรก็ตาม ภาระดอกเบี้ยที่สูงยังคงเป็นปัจจัยหลัก  ที่ทำให้เราเป็นห่วงผลการดำเนินงานของบริษัท

ดังนั้นเอง ยังคงคำแนะนำถือ TFG โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 3.40 บาท (อิงจาก PER ที่ 10.6x ใกล้เคียงกับ PER เฉลี่ยระยะยาว)

TFG