ในช่วงที่ผ่านมามีหลายบริษัททยอยเข้าตลาดหุ้นไทยกันอย่างคึกคัก เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจ และสร้างการเติบโตในอนาคต แต่นักลงทุนรู้หรือไม่ว่า เร็วๆ นี้ ยังมีเจ้าของธุรกิจชื่อดัง ที่มีแผนเข้าตลาดหุ้นเช่นกัน แต่จะมีบริษัทไหนบ้าง Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว
เริ่มกันที่กระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) สุดฮอตอย่าง บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่มีแผนเข้าตลาดหุ้นภายในปี 2568 โดยวัตถุประสงค์หลักๆ เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้เล่นชั้นนำในในระดับภูมิภาค แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดจำนวนหุ้นที่จะเสนอขาย IPO แต่อย่างใด
สำหรับบริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2561 และเป็น Exchange Platform รุ่นใหม่สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้บริการเหนือระดับแก่บุคคลทั่วไป ให้สามารถซื้อ ขายและเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ตามต้องการ
ต่อกันที่เจ้าของร้านสุกี้ชื่อดังอย่าง บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) เจ้าของธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ถือหุ้นในสัดส่วน 30% โดยจากข้อมูลปี 2566 มีสาขารวมทั้งหมด 55 สาขา และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 913 ล้านบาท
ถัดมาเจ้าของ “โอ้กะจู๋” อย่าง บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ซึ่งจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายสาขา เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
สำหรับธุรกิจแบ่งได้ 3 ประเภทหลัก คือ 1. ธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหาร ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ เช่น สลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ เบเกอรี่ รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ เป็นต้น
2. ธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน (Quick Service Restaurant: QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” จำหน่ายสลัด แร๊พสลัด แซนวิช เบอร์เกอร์ และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูของร้านโอ้กะจู๋ เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบ
และ3. ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Oh Juice” ได้แก่ น้ำผักออร์แกนิคและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเป็นเมนูสุขภาพและเสริมคุณค่าโภชนาการเหมาะกับคนทุกวัย ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะเปิดร้าน Ohkajhu Wrap & Roll และร้าน Oh Juice สาขาแรกไตรมาส 2 ปีนี้
ต่อด้วยร้านบะหมี่สุดฮิต จากแบรนด์บ้านๆ ที่กำลังจะเข้าตลาดหุ้นไทย อย่าง บริษัท ชายสี่คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือที่เราอยู่จักนาม “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” โดยวางแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2569-2570 หรือ 2-3 ปีต่อจากนี้
สำหรับปัจจุบันมีแบรนด์สตรีทฟู้ดในเครือ รวม 7 แบรนด์ ได้แก่ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ชายสี่พลัส ชายใหญ่ข้าวมันไก่ พันปีบะหมี่เป็ดย่าง อาลีหมี่ฮาลาล ไก่หมุนคุณพัน ลูกชิ้นทอดโอ้มายก๊อด รวมทุกแบรนด์กว่า 4,500 สาขา และยังมีอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทานภายใต้แบรนด์ชายสี่โกลด์ พร้อมด้วยเครื่องปรุงเพื่อจำหน่ายอีก 200 รายการ
ปิดท้ายกันที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด มีแผนจะ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของไทยในรอบ 2 ปี เป้าหมายระดมทุนราว 500-750 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.7-2.6 หมื่นล้านบาท แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
โดยบริษัทเป็นเจ้าของและบริหารกิจการศูนย์การค้า ประกอบด้วย สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามพารากอน, ไอคอนสยาม, สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต มีบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วน 49%
ที่เกี่ยวข้อง
