Talk of The Town

PTT เจอความเสี่ยงนโยบายรัฐ ฉุดกำไรปีนี้ ดิ่ง 19% เหลือ 8.9 หมื่นลบ. โบรกฯ แนะ “ขาย” หั่นเป้าเหลือ 29 บาท


04 เมษายน 2567

หุ้นพลังงานรายใหญ่ของไทยอย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กำลังเจอแรงกดดัน ที่อาจทำให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้นักวิเคราะห์แนะนำ “ขาย” ด้วยสาเหตุที่ว่า ขาดแนวโน้มการเติบโตของกำไร และมีความเสี่ยงด้านนโยบายเพิ่มเติม รวมทั้งมองว่า P/E ที่ 11 เท่า นั้นไม่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับกำไรที่ลดลง และมีความเสี่ยงด้านราคาก๊าซจากความเสี่ยงด้านนโยบายใหม่

TOT แนวนอน PTT เจอความเสี่ยงนโยบายรัฐ_0.jpg

หากถอดมุมมองนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อ PTT ไว้อย่างน่าสนใจ โดยแนะนำ “ขาย” PTT และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 29 บาท จาก 30 บาท เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากการคำนวณราคา gas pool ใหม่ (เรียกว่าราคา single gas pool) และค่าบริการสถานี LNG ที่ลดลง 

1. ธุรกิจก๊าซของ PTT มีความเสี่ยงด้านนโยบายมากขึ้น หลังจากบังคับใช้ราคา single gas pool ซึ่งทำให้อัตรากำไรของ PTT ลดลงแล้ว รัฐบาลก็กำลังมองหาปัจจัยด้านต้นทุนอื่นๆ ด้วย 

2. คาดว่าแนวโน้มกำไรจะอ่อนแอ โดยคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ยที่ -3% ในปี 2566-2569 แม้ว่าราคาสปอต JKM LNG จะลดลงอย่างมากแล้วก็ตาม 

3. โรงงานประกอบของธุรกิจ EV ถูกเลื่อนออกไป ส่งผลให้ได้ส่วนแบ่งกำไรล่าช้าออกไป และ 4.มีมูลค่าไม่น่าสนใจที่ P/E ที่ 11 เท่า ในปี 2567 เทียบกับ EPS ที่เติบโตเฉลี่ยที่ -3% ในปี 2566-2569

ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลมองหาวิธีที่จะรักษาราคาค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้เกิดความเสี่ยงด้านนโยบายสำหรับทั้งผู้ผลิตไฟฟ้า SPP และ PTT ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายก๊าซ โครงสร้างราคาก๊าซของ PTT ประกอบด้วย 

1.ราคา pool gas 2. ค่าท่อส่ง 3. ค่าธรรมเนียมการจัดหาและการตลาด (S&M) และ 4. ค่าบริการสถานี LNG นำเข้า รัฐบาลได้เปลี่ยนโครงสร้างราคา pool gas เป็น single pool price ซึ่งส่งผลให้โรงแยกก๊าซของ PTT มีกำไรลดลง 

โดยคาดว่าความเสี่ยงด้านนโยบายเพิ่มเติมจะอยู่ที่ค่าธรรมเนียม S&M สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ปัจจุบันค่าธรรมเนียมไว้ที่ 11.48 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งคาดว่ากำไรของ PTT จะลดลง 360 ล้านบาท หรือ 0.4% สำหรับการลดลงของค่าธรรมเนียม S&M ทุกๆ  1 บาท/ล้านบีทียู

ดังนั้นปรับลดประมาณการกำไรของ PTT ลง 7/4/6% ในปี 2567-69 โดยปี 2567 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 89,849 ล้านบาท ลดลง 19.79% จากปี 2566  เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบของราคา single gas pool ที่ลดลง และดังนั้นอัตรากำไรของ GSP จึงลดลง และค่าบริการสถานี LNG ที่ลดลง 

อีกทั้งคาดว่าผลกระทบต่อราคา gas pool อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท หรือ 11% ของกำไรของ PTT โดยอิงจากราคาสปอต JKM ที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู และผลกระทบต่อค่าบริการสถานี LNG ที่ 500 ล้านบาท หรือ 0.7% 

ขณะที่การปรับราคา single gas pool จะเป็นผลมาจากความเสี่ยงด้านนโยบาย เราเชื่อว่าการปรับลดค่าบริการสถานีเมื่อเดือนที่แล้วเป็นไปตามการปรับตามกำหนดการห้าปี

นอกจากนี้ธุรกิจ EV ล่าช้าออกไป โดย PTT ภายใต้การร่วมทุน 60:40% กับ Hon Hai Precision (หรือ Foxconn Technology Group), Horizon Plus, ได้เลื่อนวันเริ่มดำเนินงานโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2567 เป็นปี 2568 เนื่องจากไม่สามารถตกลงเงื่อนไขการค้ากับลูกค้าได้ ยังไม่รวมธุรกิจนี้ในประมาณการของเรา เนื่องจากเราต้องการภาพแนวโน้มธุรกิจที่ชัดเจนกว่านี้