จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : โควิด19 กระตุ้นกำลังซื้อ “บ้านแนวราบ” โตไม่หยุด


16 กุมภาพันธ์ 2566
ต้องยอมรับว่าการะบาดของโควิด 19 ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตปรับเปลี่ยนไปจากเดิม รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์  ความต้องการซื้อบ้านแนวราบที่มีพื้นที่ ขยายตัวมากขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการทำธุรกิจของ บมจ. พรีบิลท์ ดีเวลลอปเม้นท์ (PREB) ที่เน้นทำตลาดมากขึ้น
รายงานพิเศษ โควิด19 กระตุ้นกำลังซื้อ160223.jpg
นางสาวโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เปิดเผยภาพรวมตลาดที่พักอาศัยปี 2565 ว่า บ้านแนวราบได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ซื้อชาวไทย โดยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25% เมื่อเทียบกับปี 2564 และบ้านแนวราบเปิดใหม่มีมากกว่าจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554

ปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของตลาดบ้านแนวราบในปี 2565 คือมีการเปิดตัวโครงการบ้าน ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องการพื้นที่ใหญ่ขึ้นและมีฟังก์ชันที่รองรับการทำงานและการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ โดยแผนกวิจัยซีบีอาร์อี พบว่า ในปี 2565 โครงการบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะถนนกรุงเทพกรีฑา พัฒนาการ ศรีนครินทร์ และบางนา เช่น โครงการ "มอลตัน เกทส์" โครงการ "อาลียาห์ รีเซิร์ฟ" โครงการ "พาร์ค เฮอริเทจ" และโครงการ "เนอวานา คอลเลคชั่น"

ทั้งนี้ตลาดระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงที่มีโรคระบาด และในปี 2566 นี้ จะได้เห็นการเปิดขายบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้นอีก

แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมอง “วิโรจน์ เจริญตรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ที่ยอมรับว่า บริษัทมองตลาดบ้านแนวราบยังมีความต้องการซื้อสูง และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง จึงไม่เจอปัญหายกเลิก ทิ้งใบจอง หรือกู้ไม่ผ่าน เหมือนกับคอนโดมิเนียมที่ส่วนใหญ่ซื้อเพื่อลงทุน ทำให้การพัฒนาโครงการแนวราบมั่นใจได้ในด้านการรับรู้รายได้แน่นอน แม้ว่าตลาดจะมีการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่บริษัทยังสามารถหาแนวทางพัฒนาบ้านที่ยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ พร้อมกับความมั่นใจด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพงานก่อสร้าง และบริการหลังการขายจากทีมช่างของพรีบิลท์ที่มีความรู้และมืออาชีพ
               
โดยทิศทางธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า  4 พันล้านบาท มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างกว่า 3 พันล้านบาท และธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 1.1 พันล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 20% จากปี 2565 ที่คาดว่าจะทำรายได้  3.5 พันล้านบาท และเตรียมงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ประมาณ  1 พันล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อที่ดินพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในกลุ่มแนวราบเป็นหลัก โดยสนใจทำเล กรุงเทพกรีฑา  ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มีความต้องการซื้ออยู่อาศัย

ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปีนี้น่าจะรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) กว่า 3 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 6 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป ซึ่งส่วนใหญ่งานที่บริษัทรับเข้ามาจะใช้ระยะเวลารับรู้รายได้ราว 2 ปี  ซึ่งบริษัทเชื่อว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ทำให้เชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่างๆกลับมาดีขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนให้งานโครงการลงทุนต่างๆออกมามากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทมีงานที่จะเข้าประมูลกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดหวังได้รับงานประมาณ  30% 
         
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ พรีบิลท์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในปี 66 ตั้งเป้ายอดขาย 1.3 พันล้านบาท และรายได้ 1.1 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 800 ล้านบาท โดยมี Backlog ราว 300 ล้านบาทที่จะรับรู้เข้ามาในปีนี้ทั้งหมด      

พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการแนวราบในปีนี้ มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท ได้แก่ บ้านเดี่ยว พิมนารา ศาลายา มูลค่า 550 ล้านบาท 77 ยูนิต ราคาขาย 5.5-7 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/66 และ พรรณนา ทวีวัฒนา มูลค่า 950 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป จำนวน 51 ยูนิต ราคาขาย 15-19 ล้านบาท เปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/66

ส่วนคอนโดมิเนียม บริษัทก็ยังรอโอกาสพัฒนาโครงการใหม่หากตลาดกลับมาชัดเจน เพราะคอนโดมิเนียมเป็นอีกกลุ่มสินค้าหนึ่งที่จะช่วยทำให้บริษัท พรีบิลท์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เติบโตมากขึ้นได้ โดยบริษัทมีที่ดินรอรองรับการพัฒนาคอนโดมิเนียมอยู่ 2 แปลง ได้แก่ ซอยสุขุมวิท 24 พื้นที่ 1.5 ไร่ ปัจจุบันปล่อยเช่าให้กับร้านอาหาร สามารถพัฒนาอาคารสูง 40 ชั้น มูลค่า 2.7-2.8 พันล้านบาท   และที่ดินในซอยสุขุมวิท 26 พื้นที่ 300 ตารางวา สามารถพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม Low rise 8 ชั้นได้ ซึ่งบริษัทมีแผนจะพัฒนาเอง มูลค่าโครงการราว 700 ล้านบาท