Talk of The Town

TSE ส่งซิก Q4/66 สดใส บุ๊กรายได้โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น


22 พฤศจิกายน 2566
บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงาน Q4/66 โตต่อเนื่อง หลัง COD โครงการ “โอนิโกเบ (Onikoube)” โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าญี่ปุ่น 133 เมกะวัตต์ ฟากซีอีโอ "ดร. แคทลีน มาลีนนท์" ปักหมุดรายได้ปีนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เดินเกมรุกธุรกิจ Private PPA  หนุนผลงานโตก้าวกระโดด

ข่าวลูกค้า TSE ส่งซิก Q4 66 สดใส.jpg

ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TSE) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น “โครงการโอนิโกเบ (Onikoube)” กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าญี่ปุ่น 133 เมกะวัตต์ เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2566 (รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โอนิโกเบ (Onikoube) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วในไตรมาส 2/2566 

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการชนะประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รอบที่ 1 เป็นจำนวน 88.66 เมกะวัตต์ แล้ว กลุ่มบริษัทยังเตรียมความพร้อมเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าฯ รอบที่ 2 ที่มีโควตาออกมา 3,668.5 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าได้งานไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ 

อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังศึกษาโครงการ Waste to Energy หรือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานจากขยะ ซึ่งปัจจุบันได้มีการเจรจากับผู้เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างศึกษาโครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ หากเดินหน้าโครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่าพันล้านบาท ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทฯ ได้เริ่มรุกธุรกิจ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) หรือ ข้อตกลงการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนอาคาร รวมไปถึงการติดตั้งบนบ่อน้ำ (Solar Floating) ของผู้ประกอบการธุรกิจแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์การลงทุน การออกแบบ การติดตั้ง ไปจนถึงการบำรุงรักษา อีกทั้งยังมีการรับประกันตลอดอายุสัญญา ตามความต้องการของผู้ประกอบการหรือองค์กร โดยองค์กรไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นองค์กรยังสามารถเลือกรูปแบบการติดตั้งและการบริหารค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานขององค์กร เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมสำหรับการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า 

เพื่อผลกำไรในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้นในระยะยาว โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนฐานรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และการให้บริการรวมจำนวน 559.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 226.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 332.9 ล้านบาท  และมีส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าจำนวน 150.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อรวมรายได้อื่นๆ กลุ่มบริษัทฯ จึงมีรายได้รวม 712.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 120.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนซึ่งเท่ากับ 121.5 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้กลุ่มบริษัทฯ มีการบันทึกรายการพิเศษซึ่งเป็น non-cash item ขาดทุนจากการจำหน่ายอุปกรณ์จำนวน 52.2 ล้านบาท

ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวจะทำให้มีกำไรถึง 172.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 51.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.2%
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมเป็นจำนวน 1,388.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 391.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 997.1 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าจำนวน 539.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 495.1 ล้านบาท และเมื่อรวมรายได้อื่นๆ กลุ่มบริษัทฯ จึงมีรายได้รวมถึง 1,972.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 506.1 ล้านบาท ลดลง 125 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 631.1 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่องวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายการพิเศษจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 234.4 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการกำไรพิเศษดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปีก่อนเท่ากับ 396.6 ล้านบาท เป็นผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 109.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2566 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนนั้น มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและให้บริการในเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น “โครงการโอนิโกเบ (Onikoube)” เต็มไตรมาส และการประกาศปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องในกลุ่มต้นทุนเชื้อเพลิงของโครงการชีวมวล (Biomass)
TSE