จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : โบรกฯหนุน “TIDLOR” กระจายความเสี่ยงดี ปล่อยสินเชื่อทะเบียนรถ - นายหน้าขายประกัน


28 กันยายน 2566
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง  บมจ. เงินติดล้อ หรือ TIDLOR เป็นสถาบันการเงินที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี จากสินเชื่อรถยนต์และธุรกิจนายหน้าประกันภัย   แนะนำซื้อ  

รายงานพิเศษ TIDLOR.jpg

บล.ฟินันเซีย ไซรัส   วิเคราะห์หุ้น บมจ. เงินติดล้อ หรือ TIDLOR  โดยระบุว่า นโยบายการปล่อยสินเชื่อแบบผสมผสานของ TIDLOR ในช่วง 1H23 ในท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอทำให้บริษัทฯ ต้องหยุดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถบรรทุกมือสอง  (12% ของสินเชื่อรวม) เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมของคุณภาพสินทรัพย์  ในขณะที่บริษัทฯ เร่งสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ (88% ของสินเชื่อรวม) ไปพร้อมกัน 

กลยุทธ์ดังกล่าวพร้อมกับการผ่อนคลายเงื่อนไขสินเชื่อบางประเภทได้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง เรามั่นใจว่าความแหลมคมทางธุรกิจของ TIDLOR ในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนยานยนต์น่าจะทำให้บริษัทฯ โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง (MTC, SAWAD) นอกจากนี้เรายังเห็นผลบวกของการลงทุนในเทคโนโลยี พร้อมกับการขยายสาขาในผลประกอบการที่ดีของสาขาเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งในด้านสินเชื่อและกำไรสุทธิต่อสาขา

ธุรกิจนายหน้าขายประกันช่วยกระจายความเสี่ยงและโตเร็ว
ค่าธรรมเนียมจากการประกันภัย (ทั้งสำหรับชีวิตและวินาศภัย) เป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญของ TIDLOR (18% ของรายได้รวมปี 2022) ที่ช่วยลดการพึ่งพารายได้ดอกเบี้ยของบริษัทฯ ในปี 2022 เบี้ยประกันวินาศภัยของ TIDLOR ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 7 พันลบ. พร้อมค่านายหน้า เฉลี่ยที่ 21-23% (ใกล้กับผู้นำตลาดอย่าง TQM)

เราคาดว่ารายได้ดังกล่าวจะยังเป็นรายได้สำคัญต่อเนื่องในปี 2023-25 พร้อมรายได้ค่าธรรมเนียมที่คาดว่าจะโต 24-25% ต่อปี กำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรอง (PPOP) ที่ดีในช่วง 2H23 ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ผ่านจุดต่ำสุด ใน 3Q23

เราคาดว่ากำไรสุทธิในช่วง 2H23 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับในช่วง 1H23 PPOP น่าจะเป็นบวกต่อเนื่องโดยได้แรงหนุนจากปัจจัยด้านฤดูกาลและช่วยชดเชยต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit cost) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในด้าน IT และการขยายสาขา เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2023 จะปรับขึ้นเล็กน้อย (+4.9% y-y) 

โดยมีปัจจัยถ่วงสำคัญอยู่ที่ Credit cost ที่เพิ่มขึ้น (คาดว่าจะสูงสุดใน 3Q23 และลดลงใน 4Q23) ในขณะที่  PPOP โตดีจากการปล่อยสินเชื่อทะเบียนรถยนต์และธุรกิจนายหน้าขายประกัน แนวโน้มดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2024-25 เราคาดว่าบริษัทฯจะรายงานกำไรสุทธิโต 20.9% y-y และ 25.6%    y-y  ตามลำดับ  โดยมีสินเชื่อทะเบียนรถเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ นอกจากนี้เรายังคาดว่า Credit cost จะลดลงสู่ระดับเดียวกับใน 4Q22 แต่สูงกว่าระดับก่อนโควิดจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจากนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด

เราเริ่มจัดทำบทวิเคราะห์ TIDLOR ด้วยคำแนะนำซื้อ  ที่ราคาปัจจุบันจากผลงานที่โดดเด่นในฐานะที่เป็นบริษัทการเงินที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ราคาเป้าหมายปี  2023 ของเราที่ 28 บาท (GGM) เทียบเท่า P/BV ที่ 2.76x