จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : “ภาคท่องเที่ยวและบริการ” หนุนผลงาน WP ปี 66 โตตามเป้า
21 กันยายน 2566
การท่องเที่ยวและบริการที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ แนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการออกมาตรการต่างๆของรัฐบาล กระตุ้นยอดใช้พลังงานในประเทศ ทั้งน้ำมันและก๊าซ หนุนรายได้ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ปี 2566 เติบโตตามเป้าหมาย
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยสถานการณ์พลังงาน ในช่วงครึ่งแรกของปี 66 พบว่า ภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้น มีปริมาณการใช้อยู่ที่ระดับ 2,059 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นในส่วนของการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
โดยการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 3.4% และการใช้ก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 7.0% จากการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความต้องการไฟฟ้าในสาขาท่องเที่ยวและบริการ ที่เพิ่มขึ้นหลังเกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ซึ่งก๊าซธรรมชาติ มีปริมาณการใช้อยู่ที่ระดับ 4,435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.3% มาจากการใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 6.8% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ (NGV) ที่เพิ่มขึ้น 3.0% จากการที่ภาครัฐยังคงมาตรการคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไปอยู่ที่ 17.59 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 65 ถึง 15 มิถุนายน 66
ขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอื่น ๆ ลดลง 4.0% และ 6.1% ตามลำดับ ซึ่งมาจากความต้องการสินค้าและบริการของโลกที่ลดลง โดยสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เฉลี่ยของครึ่งปีแรกที่ปรับตัวลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้สนพ. คาดการณ์ความต้องการพลังงานขั้นต้นของปี 66 จะอยู่ที่ระดับ 2,033 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.1% โดยการใช้น้ำมัน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 836 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.2% ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 813 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 5.9%
การใช้พลังงานโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น หนุนการเติบโตของ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) โดย “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจพลังงานยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลกและที่สำคัญบริษัทฯ มีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 168 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ซึ่งปัจจุบันได้เซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 11 เมกะวัตต์ และมีแผนเพิ่มเติมอีก 4 เมกะวัตต์ในระยะเวลาอันใกล้ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ภายในปี 66
บริษัทจึงมั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทเดินหน้าปรับภาพลักษณ์แบรนด์ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านพลังงานครบวงจร ภายใต้แนวคิด Positive Progress ที่เชื่อมั่นในความเป็นไปได้ที่จะปรับปรุง พัฒนา และทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นได้ในทุกวันอย่างยั่งยืน โดยการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าผ่านหัวใจหลักสำคัญทั้งสาม ได้แก่
1.Operate with Sincerity (ร่วมมือกันอย่างจริงใจ) โดยเดินหน้าให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราด้วยความโปร่งใส จริงใจ มีธรรมาภิบาล ผลัดดันสิ่งดีๆ ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
2.Innovative Services (คิดค้น เพื่อยกระดับคุณค่า) โดยเปิดรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย ในเรื่องของความล้ำหน้า ลงตัวสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ
3.Agile & Collaborative (เปิดรับและปรับตัว) โดยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ด้วยจุดแข็งด้านความยืดหยุ่นภายในองค์กร สนับสนุนให้พนักงานมีความคิดหัวสมัยใหม่ ภายใต้วัตนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและคิดบวก เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพื่อเดินหน้าส่งมอบพลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ให้กับทุกคน และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการดำเนินงานบนทิศทางที่สอดคล้องกับ Brand DNA ใหม่ที่จะช่วยเสริมให้ WP มีความแข็งแกร่งและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยสถานการณ์พลังงาน ในช่วงครึ่งแรกของปี 66 พบว่า ภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้น มีปริมาณการใช้อยู่ที่ระดับ 2,059 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นในส่วนของการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
โดยการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 3.4% และการใช้ก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 7.0% จากการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความต้องการไฟฟ้าในสาขาท่องเที่ยวและบริการ ที่เพิ่มขึ้นหลังเกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ซึ่งก๊าซธรรมชาติ มีปริมาณการใช้อยู่ที่ระดับ 4,435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.3% มาจากการใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 6.8% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ (NGV) ที่เพิ่มขึ้น 3.0% จากการที่ภาครัฐยังคงมาตรการคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไปอยู่ที่ 17.59 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 65 ถึง 15 มิถุนายน 66
ขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอื่น ๆ ลดลง 4.0% และ 6.1% ตามลำดับ ซึ่งมาจากความต้องการสินค้าและบริการของโลกที่ลดลง โดยสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เฉลี่ยของครึ่งปีแรกที่ปรับตัวลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้สนพ. คาดการณ์ความต้องการพลังงานขั้นต้นของปี 66 จะอยู่ที่ระดับ 2,033 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.1% โดยการใช้น้ำมัน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 836 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.2% ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 813 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 5.9%
การใช้พลังงานโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น หนุนการเติบโตของ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) โดย “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจพลังงานยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลกและที่สำคัญบริษัทฯ มีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 168 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ซึ่งปัจจุบันได้เซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 11 เมกะวัตต์ และมีแผนเพิ่มเติมอีก 4 เมกะวัตต์ในระยะเวลาอันใกล้ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ภายในปี 66
บริษัทจึงมั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทเดินหน้าปรับภาพลักษณ์แบรนด์ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านพลังงานครบวงจร ภายใต้แนวคิด Positive Progress ที่เชื่อมั่นในความเป็นไปได้ที่จะปรับปรุง พัฒนา และทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นได้ในทุกวันอย่างยั่งยืน โดยการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าผ่านหัวใจหลักสำคัญทั้งสาม ได้แก่
1.Operate with Sincerity (ร่วมมือกันอย่างจริงใจ) โดยเดินหน้าให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราด้วยความโปร่งใส จริงใจ มีธรรมาภิบาล ผลัดดันสิ่งดีๆ ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
2.Innovative Services (คิดค้น เพื่อยกระดับคุณค่า) โดยเปิดรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย ในเรื่องของความล้ำหน้า ลงตัวสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ
3.Agile & Collaborative (เปิดรับและปรับตัว) โดยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ด้วยจุดแข็งด้านความยืดหยุ่นภายในองค์กร สนับสนุนให้พนักงานมีความคิดหัวสมัยใหม่ ภายใต้วัตนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและคิดบวก เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพื่อเดินหน้าส่งมอบพลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ให้กับทุกคน และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการดำเนินงานบนทิศทางที่สอดคล้องกับ Brand DNA ใหม่ที่จะช่วยเสริมให้ WP มีความแข็งแกร่งและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้อง
