จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : INET ใช้กลยุทธ์ Spin-Off บริษัทร่วมทุน สร้างการเติบโต
25 เมษายน 2566
แนวทางในการสร้างการเติบโตของบริษัทมีหลายแนวทาง ซึ่งกลยุทธ์ Spin-Off หรือ การนำธุรกิจบางส่วนออกจากบริษัทแม่เพื่อระดมทุน เป็นแนวทางหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆ รวมทั้ง บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) ที่มีแผนนำ 2 บริษัทร่วมทุนเข้าระดมเงินจากนักลงทุน หวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
กลยุทธ์การ Spin-Off เป็นการที่บริษัทแม่ แยกส่วนธุรกิจบางส่วนของตนเองออกมา โดยส่วนที่แยกออกมาเป็นบริษัทใหม่นั้น จะอยู่ในรูปของบริษัทย่อย หรือบริษัทร่วมที่มีผู้บริหารคนละชุดกับบริษัทแม่ โดยบริษัทที่ถูก Spin-Off ออกมา จะมีความเป็นอิสระในด้านนโยบายการบริหารงานจากบริษัทแม่
ทั้งนี้ข้อดีของการ Spin-Off เช่น
- บริษัทที่ถูก Spin-Off ออกมา จะระดมทุนได้เองผ่านการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชน (IPO) ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระทางการเงินของบริษัทแม่
- บริษัทที่ถูก Spin-Off จะมีความเป็นอิสระ และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในมุมมองของนักลงทุน
- เป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนที่สนใจในธุรกิจที่แยกออกมา ให้สามารถลงทุนในธุรกิจนั้นได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านบริษัทแม่
- เป็นการรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจที่ถูก Spin-Off ออกมา และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หุ้นของบริษัทแม่ด้วย
ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว เป็นแนวทางที่ บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) กำลังนำมาใช้กับบริษัทในเครือ โดยนางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ INET กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทร่วมทุน 2 บริษัท คือ บมจ.วัน อิเล็กทรอนิกส์ บิลลิ่ง เข้าระดมทุนในตลาด LiVE Exchange ภายในไตรมาส 1/67 และบริษัท ไอเน็กซ์ บรอดแบนด์ จำกัด เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 68
โดยทั้ง 2 บริษัทนี้ เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีรายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ มีความพร้อมในการสร้างผลงานอย่างชัดเจนในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้า
ส่วนทิศทางผลประกอบการของ INETนั้น กรรมการผู้จัดการ เชื่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดคลาวด์ (Cloud) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกระแสของ Digital Transformation ที่ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ต้องการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในการประกอบธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมโดยการลงทุนและสนับสนุนนวัตกรรมผ่านผู้พัฒนาในประเทศ (บริษัทร่วมทุน) เพื่อต่อยอดธุรกิจด้าน Cloud Service และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยคงสัดส่วนความเป็นเจ้าของให้ไม่น้อยกว่า 30% ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมดจำนวน 48 บริษัท จึงมั่นใจว่าปัจจัยดังกล่าวจะสามารถช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโต 15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
"จากกระแสของ Digital Transformation ที่มีอัตราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น โดย INET คือ Platform Service Provider ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ในการพัฒนาระบบต่างๆ รวมถึง มีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Infrastructure) ที่แข็งแกร่ง อีกทั้ง ยังมีบริษัทร่วมทุนที่เป็นเครื่องมือในการช่วยส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ สามารถ Transform ได้อย่างรวดเร็วและคล่องอีกด้วย"
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/66 ผู้บริหารมั่นใจผลงาน ยังเติบโตได้ดีกว่า Q1/65 ที่มีรายได้ 488 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 25.54 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การ Spin-Off เป็นการที่บริษัทแม่ แยกส่วนธุรกิจบางส่วนของตนเองออกมา โดยส่วนที่แยกออกมาเป็นบริษัทใหม่นั้น จะอยู่ในรูปของบริษัทย่อย หรือบริษัทร่วมที่มีผู้บริหารคนละชุดกับบริษัทแม่ โดยบริษัทที่ถูก Spin-Off ออกมา จะมีความเป็นอิสระในด้านนโยบายการบริหารงานจากบริษัทแม่
ทั้งนี้ข้อดีของการ Spin-Off เช่น
- บริษัทที่ถูก Spin-Off ออกมา จะระดมทุนได้เองผ่านการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชน (IPO) ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระทางการเงินของบริษัทแม่
- บริษัทที่ถูก Spin-Off จะมีความเป็นอิสระ และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในมุมมองของนักลงทุน
- เป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนที่สนใจในธุรกิจที่แยกออกมา ให้สามารถลงทุนในธุรกิจนั้นได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านบริษัทแม่
- เป็นการรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจที่ถูก Spin-Off ออกมา และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หุ้นของบริษัทแม่ด้วย
ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว เป็นแนวทางที่ บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) กำลังนำมาใช้กับบริษัทในเครือ โดยนางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ INET กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทร่วมทุน 2 บริษัท คือ บมจ.วัน อิเล็กทรอนิกส์ บิลลิ่ง เข้าระดมทุนในตลาด LiVE Exchange ภายในไตรมาส 1/67 และบริษัท ไอเน็กซ์ บรอดแบนด์ จำกัด เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 68
โดยทั้ง 2 บริษัทนี้ เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีรายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ มีความพร้อมในการสร้างผลงานอย่างชัดเจนในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้า
ส่วนทิศทางผลประกอบการของ INETนั้น กรรมการผู้จัดการ เชื่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดคลาวด์ (Cloud) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกระแสของ Digital Transformation ที่ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ต้องการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในการประกอบธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมโดยการลงทุนและสนับสนุนนวัตกรรมผ่านผู้พัฒนาในประเทศ (บริษัทร่วมทุน) เพื่อต่อยอดธุรกิจด้าน Cloud Service และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยคงสัดส่วนความเป็นเจ้าของให้ไม่น้อยกว่า 30% ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมดจำนวน 48 บริษัท จึงมั่นใจว่าปัจจัยดังกล่าวจะสามารถช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโต 15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
"จากกระแสของ Digital Transformation ที่มีอัตราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น โดย INET คือ Platform Service Provider ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ ในการพัฒนาระบบต่างๆ รวมถึง มีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Infrastructure) ที่แข็งแกร่ง อีกทั้ง ยังมีบริษัทร่วมทุนที่เป็นเครื่องมือในการช่วยส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ สามารถ Transform ได้อย่างรวดเร็วและคล่องอีกด้วย"
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/66 ผู้บริหารมั่นใจผลงาน ยังเติบโตได้ดีกว่า Q1/65 ที่มีรายได้ 488 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 25.54 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ที่เกี่ยวข้อง
