จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ตลาดตราสารหนี้ไทยปี 66 โตต่อเนื่อง สะท้อนผลตอบรับ “หุ้นกู้” EP
07 เมษายน 2566
ตลาดตราสารหนี้ปี 2566 ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของภาครัฐและเอกชน สะท้อนจากการขายหุ้นกู้ของ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป(EP) ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุน
ตลาดตราสารหนี้ยังเป็นแหล่งระดมทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ระบุว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยเติบโตได้ต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 1/66 ขยายตัว 2.0% จากสิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 16.1 ล้านล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและภาคเอกชน
ด้านการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้) ในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีการเสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุนทั่วไป (PO: Public Offering) ในสัดส่วน 43% ของยอดการออกรวม สูงขึ้นจาก 28% ในปี 2565
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 นักลงทุนต่างชาติมียอดการถือครองตราสารหนี้ไทยที่ 1.05 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.5% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย อายุคงเหลือเฉลี่ยตราสารหนี้ที่นักลงทุนต่างชาติถือครองเท่ากับ 7.8 ปี ลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อนหน้า
ด้านบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า ปี 2565 มีปริมาณการออกตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1.24 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้ไทยมีสภาพคล่องสูงและนักลงทุนมีความสนใจลงทุน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตลาดตราสารหนี้ในต่างประเทศที่ถดถอยอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อความสนใจของนักลงทุนสถาบันบางราย ความต้องการจากนักลงทุนในกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อยยังคงมีอยู่ในระดับสูง การระดมทุนจากประชาชนทั่วไปมีแนวโน้มมากขึ้น ช่วยให้ผู้ออกตราสารสามารถขยายการจำหน่ายตราสารหนี้ไปยังกลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้มากยิ่งขึ้น
ทริสฯมองว่าความสนใจของธุรกิจภาคเอกชนในการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศน่าจะยังคงมีอยู่ระดับสูงต่อไปในปี 66 ขณะที่ความต้องการในการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ฟื้นตัวและการเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยโดยผ่านการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปนั้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้เงินบาทน่าจะยังคงมีสภาพคล่องที่สูงตลอดทั้งปี 66
ตลาดตราสารหนี้ที่ได้รับความนิยมยังสะท้อนจากการระดมทุนผ่านการขายหุ้นกู้ ของบมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป(EP) ที่ล่าสุดปิดการขายหุ้นกู้ มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาทได้ตามเป้าหมาย โดย “ยุทธ ชินสุภัคกุล” ประธานกรรมการบริหาร EP เปิดเผยว่า ผลการเสนอขายหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 1.15 พันล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราผลตอบแทน 5.75 % ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 27-29 มีนาคม 2566 ปรากฏว่า สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นศักยภาพของบริษัทฯ และแผนการลงทุนในโครงการพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศในอนาคต
"บริษัทฯประสบความสำเร็จในการระดมทุนครั้งนี้ จะทำให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยพร้อมที่จะนำเงินที่ได้รับไปใช้ลงทุนต่อยอดธุรกิจให้ตรงตามวัตถุประสงค์ทุกประการ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตามโครงการจัดหาพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 หรือไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ออกโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.ซึ่งรอประกาศผลคัดเลือกอย่างเป็นทางการในต้นเดือนเมษายน"
ตลาดตราสารหนี้ยังเป็นแหล่งระดมทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ระบุว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยเติบโตได้ต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 1/66 ขยายตัว 2.0% จากสิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 16.1 ล้านล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและภาคเอกชน
ด้านการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้) ในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีการเสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุนทั่วไป (PO: Public Offering) ในสัดส่วน 43% ของยอดการออกรวม สูงขึ้นจาก 28% ในปี 2565
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 นักลงทุนต่างชาติมียอดการถือครองตราสารหนี้ไทยที่ 1.05 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.5% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย อายุคงเหลือเฉลี่ยตราสารหนี้ที่นักลงทุนต่างชาติถือครองเท่ากับ 7.8 ปี ลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อนหน้า
ด้านบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า ปี 2565 มีปริมาณการออกตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1.24 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้ไทยมีสภาพคล่องสูงและนักลงทุนมีความสนใจลงทุน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตลาดตราสารหนี้ในต่างประเทศที่ถดถอยอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อความสนใจของนักลงทุนสถาบันบางราย ความต้องการจากนักลงทุนในกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อยยังคงมีอยู่ในระดับสูง การระดมทุนจากประชาชนทั่วไปมีแนวโน้มมากขึ้น ช่วยให้ผู้ออกตราสารสามารถขยายการจำหน่ายตราสารหนี้ไปยังกลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้มากยิ่งขึ้น
ทริสฯมองว่าความสนใจของธุรกิจภาคเอกชนในการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศน่าจะยังคงมีอยู่ระดับสูงต่อไปในปี 66 ขณะที่ความต้องการในการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ฟื้นตัวและการเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยโดยผ่านการระดมทุนจากประชาชนทั่วไปนั้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้เงินบาทน่าจะยังคงมีสภาพคล่องที่สูงตลอดทั้งปี 66
ตลาดตราสารหนี้ที่ได้รับความนิยมยังสะท้อนจากการระดมทุนผ่านการขายหุ้นกู้ ของบมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป(EP) ที่ล่าสุดปิดการขายหุ้นกู้ มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาทได้ตามเป้าหมาย โดย “ยุทธ ชินสุภัคกุล” ประธานกรรมการบริหาร EP เปิดเผยว่า ผลการเสนอขายหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 1.15 พันล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราผลตอบแทน 5.75 % ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 27-29 มีนาคม 2566 ปรากฏว่า สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นศักยภาพของบริษัทฯ และแผนการลงทุนในโครงการพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศในอนาคต
"บริษัทฯประสบความสำเร็จในการระดมทุนครั้งนี้ จะทำให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยพร้อมที่จะนำเงินที่ได้รับไปใช้ลงทุนต่อยอดธุรกิจให้ตรงตามวัตถุประสงค์ทุกประการ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตามโครงการจัดหาพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 หรือไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ออกโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.ซึ่งรอประกาศผลคัดเลือกอย่างเป็นทางการในต้นเดือนเมษายน"
ที่เกี่ยวข้อง
