ทองคำซึมขึ้นทดสอบ Double Top หากทะลุ 4,400 มีลุ้นลากยาวแรง! ทองไทยเปิด +450 บาทแข็งโป๊กกดดัน

ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ “ซึมขึ้น” ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง โดยเริ่มเข้าใกล้โซนสำคัญซึ่งเป็นแนวต้านของรูปแบบ Double Top บริเวณ 4,374–4,387 ดอลลาร์ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดแรงขายทำกำไรและการปรับฐานลงในระยะสั้น ทองไทยเปิดตลาดภาคเช้า +450 บ.จ่อทะลุ 65,000 เงินบาทแข็งโป๊ก กดดันขึ้นไม่แรง

หากราคาทองคำสามารถ ทะลุแนวต้านดังกล่าว หรือยืนเหนือระดับ 4,400 ดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่อง จะเปิดโอกาสให้เกิดแรงซื้อไล่ราคา (Momentum) และการปรับตัวขึ้นแรงได้ค่อนข้างง่าย เนื่องจากโครงสร้างราคายังอยู่ในทิศทางขาขึ้น

ทั้งนี้ ภาวะวอลุ่มตลาดที่เบาบางยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะโอกาสเกิด Error Break ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในช่วงเวลานี้ นักลงทุนที่เลือกเข้าลงทุนจึงควรตั้ง Stop Loss อย่างเคร่งครัด และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

Shining Gold แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยพิจารณา Open Short บริเวณ 4,374–4,387 ดอลลาร์ Stop Loss ที่ระดับ 4,400 ดอลลาร์ พร้อมเน้นย้ำว่าการลงทุนในช่วงวอลุ่มบาง ต้องยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

แนวต้านทองคำโลก

4,374–4,387 / 4,420 / 4,450 ดอลลาร์

แนวรับทองคำโลก

4,338 / 4,322 / 4,310 ดอลลาร์

มุมมองทองคำไทย Shining Gold ระบุว่า ราคาทองคำไทยยังอยู่ในโครงสร้าง ยก Low – ยก High และกำลังเข้าใกล้จุด Break กรอบสามเหลี่ยมที่แกว่งตัว Sideway มานาน โดยเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องสามารถ Break ระดับ 64,700 บาทขึ้นไป เพื่อยก High เหนือกรอบ 65,000 บาท และเปิดทางให้แนวโน้มขาขึ้นเดินหน้าต่อ

ในภาวะที่วอลุ่มตลาดยังเบาบาง ราคาทองมีโอกาสไต่ขึ้นได้ง่ายหากไร้ปัจจัยลบใหม่ แต่ในทางกลับกัน ก็สามารถปรับฐานลงได้แรงเช่นกันหากมีข่าวเชิงลบเข้ากระทบ กลยุทธ์ที่เหมาะสม คือ แบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน

พอร์ตที่ถืออยู่แล้ว รอพิจารณาทยอยปิดกำไรพอร์ตใหม่ รอจังหวะเข้าซื้อสะสม หากเกิดการพักฐานจากปัจจัยลบ

แนวต้านทองคำไทย

64,700 / 65,000 / 65,500 บาท

แนวรับทองคำไทย

64,500 / 63,700 / 62,000 บาท

สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง 96.5% ทองคำแท่งรับซื้อ 64,850.00 บาท ขายออก 64,950.00 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 63,550.72 บาท ขายออก 65,750.00 บาท วันนี้ +450 บาท (22 ธันวาคม 2568) เวลา 09:02 น. (ครั้งที่ 1) ค่าเงินบาทแข็งค่า กดด้นราคาปรับตัวขึ้นไม่แรง