SET รอบนี้ไม่เหมือนอดีต ไร้แรงเก็งกำไรก่อนเลือกตั้ง เหตุแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ชัด

โบรกฯ SET รอบนี้ จะไร้แรงเก็งกำไรก่อนเลือกตั้ง เหตุพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลยังไม่ชัด รัฐบาลรักษาการอนุมัติโครงการไม่ได้ ทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายเบิกจ่ายขาดความต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองเป็นกลางเชิงลบต่อประเด็นการยุบสภา โดยสถิติการยุบสภาฯในช่วง 33 ปีที่ผ่านมา มี 8 ครั้ง พบว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบรับเชิงบวกในวันถัดไปเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 1.2% แล้วหลังจากนั้นจะเคลื่อนไหวทรงตัวแบบ Sideway to sideway down เพื่อรอดูผลการเลือกตั้ง

แม้ว่าการยุบสภาฯที่เกิดขึ้นเร็ว จะหนุนให้เกิด Election Rally ได้เร็วขึ้น ซึ่งตามสถิติดัชนีตลาดหุ้นไทยมักปรับตัวขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้งเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 1.7% และช่วง 1 เดือนหลังเลือกตั้งเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 5%

แต่อย่างไรก็ดี คาดว่ารอบนี้จะไม่มีแรงเก็งกำไรก่อนการเลือกตั้ง เพราะยังไม่แน่ว่าพรรคใดจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และระหว่างที่รอผลการเลือกตั้งรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติโครงการที่ผูกผันไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ได้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเบิกจ่ายงบประมาณจึงมีโอกาสขาดความต่อเนื่อง

อีกทั้ง ยังมีประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในช่วงของการแก้ไขด้วย ซึ่งปัจจัยเรื่องการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้ง ถือเป็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจและการเมืองไทยในปัจจุบัน (ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนนายกฯถึง 3 รอบ คือคุณเศรษฐา ทวีสิน รับตำแหน่งเมื่อ 22 ส.ค. 2566, คุณ แพทองธาร ชินวัตร รับตำแหน่งเมื่อ 16 ส.ค. 2567, คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รับตำแหน่งเมื่อ 7 ก.ย. 2568)

อย่างไรก็ตาม คาดว่าดาวน์ไซด์ของดัชนีจะไม่เปิดกว้างกรอบแนวรับแถว 1,200-1,220 จุด ที่เป็นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย200 วัน ยังน่าจะทำงานได้ดีเพราะในเชิง Valuation ที่ระดับดังกล่าวจะให้Dividend Yield สูงราว 4.4%-4.6%

ทั้งนี้ ระหว่างรอติดตามกำหนดวันเลือกตั้งจาก กกต. แนะนำพักเงินในกลุ่ม REITs, Anti-Commodity จากราคาน้ำมันที่พักตัวลง, และหุ้นปันผลเด่น เช่น ธนาคารพาณิชย์และสื่อสาร, รวมถึงหุ้นที่มักถูกเก็งกำไรการทำบัตรเลือกตั้งเช่น TKS (สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง)