Talk of The Town

THAI ดิ่ง 51% จากจุดสูงสุด แต่นักวิเคราะห์ ยังสั่ง “ขาย” เหตุกำไรเสี่ยงลดลง 3 ปีต่อเนื่อง


28 พฤศจิกายน 2568

โบรกฯ เผย THAI ปรับลง 51% จากจุดสูงสุด แต่ยังแนะนํา “ขาย” เหตุกําไรช่วงปี 69-71 จะลดลงต่อเนื่องใน 3 ปี ข้างหน้า ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการ ล็อกอัพหุ้นเพื่อแปลงหนี้เป็นทุนจะสิ้นสุดลงในเดือน ก.พ. และ ส.ค. 69 อาจกดดันราคาหุ้น

THAI ดิ่ง 51_ จากจุดสูงสุด_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองต่อ THAI แม้ราคาหุ้นจะปรับลงแรงถึง 51%จากจุดสูงสุดของปีนี้ แต่ยังคงแนะนํา “ขาย” เนื่องจากยังคงมองลบต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมการบินจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น และคาดว่ากําไรของ THAI จะลดลง 7%,15%,12% ในปี 2569 - 2571 ทั้งนี้แม้จะปรับกําไรปี 2568–2570 ขึ้นแล้ว 5-9% หลังผลการดําเนินงานงวด 9 เดือนปี 2568 ออกมาดีกว่าคาด

ขณะเดียวกัน มีความกังวลต่อแผนการปรับโครงสร้างคณะกรรมการซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านการแทรกแซงทางการเมือง จึงสะท้อนความเสี่ยงนี้ด้วยการปรับสมมติฐาน WACC ขึ้นเป็น 10.7% ทําให้ราคาเป้าหมายลดลงมาอยู่ที่7.7 บาท จากเดิมที่ 11 บาท

รวมไปถึงช่วงล็อกอัพเพื่อแปลงหนี้เป็นทุน (ที่ต้นทุน 2.6 บาท/หุ้น) จะสิ้นสุดลงในเดือน ก.พ. (2.7 พันล้านหุ้น) และส.ค. (8.1 พันล้านหุ้น) ปี 2569 ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันต่อราคาหุ้นไปอีก และเนื่องจากความเสี่ยงข้างต้น THAI จึงสมควรซื้อขายที่ระดับตํ่ากว่าคู่แข่ง ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เฉลี่ยที่ 11 เท่า ในปี 2569

ทั้งนี้ สำหรับความเสี่ยงด้านการเมือง โดยความไม่มีประสิทธิภาพที่ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลถูกอ้างถึงว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทําให้ THAI ต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการในปี 2563 ขณะที่ผู้บริหารให้เครดิตการฟื้นตัวในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาว่าเกิดจากความเป็นอิสระที่เพิ่มขึ้นหลังกระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นลงตํ่ากว่า 50% ส่งผลให้ THAI สิ้นสุดสถานะรัฐวิสาหกิจ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน THAI มีแผนจะเพิ่มจํานวนกรรมการจาก 11 คนเป็น 15 คน และแต่งตั้งกรรมการใหม่ 8 คน เพื่อทดแทนกรรมการที่ออกไป 4 คน และตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ระบุ ว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อส่วนใหญ่มาจากฝั่งภาครัฐ สถานการณ์นี้ ทําให้กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแทรกแซงทางการเมืองขึ้น