กระดานข่าว

จากผู้รับสู่ผู้ให้ จากผู้เรียนรู้สู่ผู้ส่งต่อโอกาส


24 พฤศจิกายน 2568
Advertorial จากผู้รับความรู้ สู่ผู้ถ่ายทอดความรู้ - TH (5).JPG

“ธนาคารไทยเครดิตเชื่อมั่นในพลังของการเรียนรู้ เพราะเราเชื่อว่า...เมื่อทุกคนลุกขึ้นมาส่งต่อความรู้ สังคมก็จะสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างงดงาม” เมื่อหนี้ครัวเรือนกลายเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ การแก้ปัญหาไม่ได้มาจากการสอนเพียงครั้งเดียว แต่อยู่ที่การปลุก พลังแห่งความรู้สร้างการเปลี่ยนแปลง ต่อยอดและขยายต่ออย่างไม่สิ้นสุดคือสิ่งที่สำคัญตลอด 9 ปีที่ผ่านมา โครงการ “ตังค์โต Know-how” ของธนาคารไทยเครดิต ได้เดินทางเคียงข้างกับทุกคนทั่วประเทศ ถ่ายทอดความรู้ทางการเงินด้วยความตั้งใจจริง เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าใจเรื่องเงิน และใช้ความรู้นั้นสร้างชีวิตที่มั่นคงขึ้น

ในปี 2569 นี้ โครงการกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 10  หนึ่งทศวรรษแห่งการเรียนรู้และการเติบโตที่งดงาม สิ่งที่ธนาคารได้เห็นและภาคภูมิใจที่สุด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้ที่ผ่านการอบรม แต่คือการได้เห็น “ผู้ที่เคยเป็นผู้เรียนรู้” กลายมาเป็น “ผู้ถ่ายทอดความรู้” ส่งต่อสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้คนรอบข้างในชุมชนของตนเอง

การเริ่มต้นเล็ก ๆ ของใจ สู่แรงบันดาลใจที่เติบโตไม่สิ้นสุด

พลังแห่งการส่งต่อที่งอกงามในหัวใจผู้คน ธนาคารไทยเครดิต เรายึดมั่นเสมอว่า ทุกคนมีคุณค่าและเมื่อผู้เรียนลุกขึ้นมาเป็นผู้ถ่ายทอดการเรียนรู้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริงสิ่งที่ทำให้โครงการ “ตังค์โต Know-how” แตกต่างจากการให้ความรู้ทั่วไป คือ ผู้เรียนไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำความรู้ไปใช้ในชีวิต แต่ได้รับการพัฒนาให้เป็น “วิทยากรการเงินรุ่นใหม่” ผ่านหลักสูตร Train the Trainer ที่เข้มข้นและเป็นระบบ เพราะธนาคารเชื่อว่า “ทุกคนคือคนสำคัญ” และทุกคนล้วนมีศักยภาพในการถ่ายทอดความรู้ต่อ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการสาขา เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้นำชุมชน หรือแม้แต่เยาวชน

ปัจจุบัน มีวิทยากรต้นแบบด้านการเงินผ่านการอบรมแล้วกว่า 692 คน จากหลากหลายสาขาอาชีพ ตั้งแต่ผู้จัดการสาขา บุคลากรภาครัฐ โรงเรียน กลุ่มออมทรัพย์ จนถึงผู้นำชุมชนพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงผู้รับความรู้  แต่คือ จุดเชื่อมต่อ ที่ช่วยขยายความรู้ทางการเงินออกไปในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบแบบทวีคูณ ไม่ใช่แบบเส้นตรง

การพัฒนาวิทยากรจากผู้เรียนทำให้เกิด “พลังการขยายผลอย่างทวีคูณ” เพราะโครงการไม่ได้พึ่งพาวิทยากรจากธนาคารเพียงกลุ่มเดียว แต่ได้สร้างวิทยากรอีกหลายร้อยคนที่พร้อมกระจายความรู้สู่ชุมชนทั่วประเทศ

ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารไทยเครดิตทั้ง 281 แห่งทั่วประเทศ ไม่ได้เป็นเพียงจุดให้บริการทางการเงิน แต่ได้กลายเป็น “ศูนย์ความรู้ทางการเงินของชุมชน” ที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมวิทยากรท้องถิ่นที่เข้าใจบริบทพื้นที่ ถ่ายทอดความรู้ภายใต้ความเชื่อเดียวกันว่าทุกคนสำคัญและควรได้รับโอกาสเข้าถึงความรู้อย่างเท่าเทียม

ตัวอย่างจริงที่พิสูจน์ชัด เยาวชนคือ คนสำคัญที่จุดประกายความรู้ให้ชุมชนได้

หนึ่งในความภาคภูมิใจของโครงการ ที่สะท้อนปรัชญา “Everyone Matters” ได้เด่นชัดที่สุด คือค่ายเยาวชน ตังค์โต Know-how Young Ambassador” ณ โรงเรียนมีชัยพัฒนา จังหวัดบุรีรัมย์ มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้นถึงปลายเข้าร่วมอบรม 140 คน ถือเป็นก้าวสำคัญในการมอบบทบาทที่สำคัญในการยกระดับให้เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ที่มีคุณค่าไม่ต่างจากผู้ใหญ่ทุกคน เพราะในสายตาของเราเยาวชนคือพลังสำคัญที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ชุมชนได้จริง

พวกเขาไม่ได้เพียงเรียนรู้เรื่องการเงิน แต่ยังได้รับการบ่มเพาะทักษะวิทยากรอย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน Active Learning ที่ผสานเวิร์กช็อป เกมจำลองสถานการณ์ และการฝึกนำเสนออย่างมืออาชีพ

สิ่งที่น่าประทับใจคือ เยาวชนทุกคนไม่เพียงผ่านการประเมินความรู้ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังสามารถออกแบบแผนการถ่ายทอดความรู้ให้กับ 16 ชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งเป้าส่งต่อความรู้ให้ประชาชนกว่า 480 คน ภายใน 3 เดือน

นี่คือข้อพิสูจน์ว่า ทุกคนคือคนสำคัญไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องอายุหรือพื้นฐานชีวิต ทุกคนล้วนมีความสามารถพัฒนาให้เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมได้ เยาวชนกลุ่มนี้คือกุญแจสำคัญของความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน เพราะพวกเขาจะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้สู่ครอบครัว เพื่อน และชุมชน ในแบบที่เป็นธรรมชาติ น่าเชื่อถือ และเข้าถึงหัวใจของผู้คนได้มากที่สุด.

ผลลัพธ์ที่จับต้องได้: เมื่อความรู้กลายเป็นการกระทำ

การพัฒนาวิทยากรจากผู้เรียนไม่ใช่แค่แนวคิดสวยหรู แต่คือการสร้างผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง

  • 87% นำความรู้ด้านการบริหารค่าใช้จ่ายไปใช้ในชีวิตประจำวัน
  • 82% วางแผนเป้าหมายทางการเงินอย่างเป็นระบบ
  • 67% เริ่มออมเงินอย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าการถ่ายทอดความรู้โดยผู้ที่เคยผ่านการอบรมจริง ไม่ได้ด้อยไปกว่าวิทยากรจากธนาคารกลับยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจได้ลึกกว่า เพราะผู้ถ่ายทอดอยู่ในบริบทเดียวกัน มองเห็นปัญหาเหมือนกัน และที่สำคัญที่สุด คือพวกเขาเป็น “หลักฐานมีชีวิต” ว่า ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อทุกคนสำคัญ สร้างเครือข่ายความรู้จึงเติบโตได้ไม่รู้จบ Impact ที่แท้จริงจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลข แต่ขยายเป็นพลังการเปลี่ยนแปลงสังคม

หัวใจสำคัญอยู่ที่การพัฒนาผู้เรียนให้ก้าวขึ้นเป็นวิทยากร นำไปสู่การก่อร่าง “เครือข่ายความรู้ที่เติบโตได้เอง” (Self-Sustaining Knowledge Network) เมื่อวิทยากรทั้ง 692 คนกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ และแต่ละคนสามารถถ่ายทอดความรู้ต่อให้ผู้คนได้อีกหลายสิบคน จึงเกิดเป็น “กระแสแห่งการเรียนรู้” ที่ขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง งอกงามด้วยพลังของผู้คนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการขับเคลื่อนจากส่วนกลางเพียงลำพัง แต่คือความแตกต่างระหว่าง การให้กับ การสร้างให้เกิด การให้ความรู้โดยตรงย่อมมีขีดจำกัด แต่เมื่อเราพัฒนาผู้เรียนให้กลายเป็นผู้ถ่ายทอด พร้อมเชื่อมั่นว่าทุกคนคือคนสำคัญที่มีศักยภาพสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะขยายต่ออย่างไม่รู้จบ

เมื่อมองภาพรวม โครงการ ‘ตังค์โต Know-how’ จัดอบรมแล้วกว่า 7,109 ครั้งทั่วประเทศ เข้าถึงประชาชน 296,473 คน แต่สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าตัวเลข คือ “การเติบโตของวิทยากร 692 คน ที่พร้อมส่งต่อความรู้และการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ให้ขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด”

หากวิทยากรแต่ละคนส่งต่อความรู้ให้คนรอบตัวได้อีก 100 คน จะเกิดการเรียนรู้อย่างน้อยกว่า 69,200 คนเพิ่มขึ้น และเมื่อผู้ที่ได้รับความรู้เหล่านั้นถ่ายทอดต่ออีกชั้นหนึ่ง ผลลัพธ์ก็จะทวีคูณ ขยายวงอย่างไม่รู้จบเป็นพลังของการส่งต่อสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ไกลกว่าที่องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะทำได้เพียงลำพัง

โครงการ "ตังค์โต Know-how" พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การแก้ปัญหาหนี้สินและสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับสังคมไทยไม่ได้อยู่ที่การบรรยายในห้องประชุม แต่อยู่ที่การ สร้างกระแสการเรียนรู้ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อผู้ผ่านการอบรมกลายเป็นวิทยากร วิทยากรกลายเป็นผู้พัฒนาวิทยากรคนใหม่ และวงจรนี้หมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ นั่นคือเมื่อ "ความรู้" กลายเป็น "การเคลื่อนไหวทางสังคม" (Social Movement) ที่แท้จริง - การสร้างสังคมไทยที่มีภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน ผ่านพลังของคนธรรมดาที่กลายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดความเท่าเทียมขึ้นให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตามปรัชญาธนาคารไทยเครดิต “Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ”