เรื่องเด่นวันนี้
PCE เร่งเครื่องเต็มสปีด เปิดโรงสกัดน้ำมันปาล์มเฟส 2 ธ.ค.นี้ หนุนกำลังผลิตพุ่งเท่าตัว ดันผลงานโตกระฉูด
24 พฤศจิกายน 2568
บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ส่งสัญญาณโตไม่หยุด เดินหน้าขยายโรงสกัดน้ำมันปาล์มเต็มกำลัง เปิดเฟส 2 เดือนธันวาคมนี้ เพิ่มกำลังผลิต 100% จาก1,800 ตันต่อวันเพิ่มเป็น 3,600 ตัน/วัน ก่อนเดินหน้าสู่เฟส 3 ไตรมาส 3 ปี 69 ดันกำลังผลิตทะลุ 5,040 ตัน/วัน ต่อยอด Economy of Scale หนุนรายได้-กำไรระยะยาวแข็งแรง

นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเปิดโรงสกัดน้ำมันปาล์มเฟส 2 มูลค่าลงทุน 180 ล้านบาท ภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้ โดยโรงงานใหม่มีกำลังการผลิต 75 ตัน/ชั่วโมง เมื่อรวมกับกำลังการผลิตโรงงานเดิมอยู่ที่ 75 ตัน/ชั่วโมง จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 150 ตัน/ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป ทั้งยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้วยโครงสร้างที่เอื้อต่อการเติบโต หนุนรายได้บริษัทฯเติบโต 10-15% ต่อปี
ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายเฟส 3 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 60 ตัน/ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปี 69 และเมื่อครบทั้ง 3 เฟสแล้ว จะสามารถรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันได้สูงถึง 210 ตัน/ชั่วโมง หรือ 5,040 ตัน/วัน โดยจะสามารถดำเนินการพร้อมกันทั้ง 3 เฟส ได้ในปี 2570 ซึ่งตั้งเป้าผลิตให้ได้ปีละ 8-9 แสนตันผลปาล์ม สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีการเติบโตต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลดีต่อ Economy of Scale หรือการเพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ
"PCE ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการเติบโตผ่านการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดโลกในอนาคต พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น" นายพรพิพัฒน์ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีการเติบโตของยอดขายที่โดดเด่น โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 23,609.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีกำไรสุทธิ 257.9 ล้านบาท แม้จะเผชิญกับภาวะผันผวนของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั้งในด้านปริมาณผลผลิต และด้านราคา นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่มีแนวโน้มลดต่ำลงในระยะสั้นส่งผลให้ผู้ซื้อหันไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของยอดขายมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการรุกตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กะลาปาล์ม (PKS) ที่มีคุณภาพสูงซึ่งได้รับมาตรฐานระดับนานาชาติ Green Gold Label (GGL) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ในไตรมาส 3 ของปี 2567 ซึ่งในปี 2568 นี้จะรับรู้รายได้เต็มปี และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้จะแตะที่ระดับ 30,000 ล้านบาท

นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเปิดโรงสกัดน้ำมันปาล์มเฟส 2 มูลค่าลงทุน 180 ล้านบาท ภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้ โดยโรงงานใหม่มีกำลังการผลิต 75 ตัน/ชั่วโมง เมื่อรวมกับกำลังการผลิตโรงงานเดิมอยู่ที่ 75 ตัน/ชั่วโมง จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 150 ตัน/ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป ทั้งยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้วยโครงสร้างที่เอื้อต่อการเติบโต หนุนรายได้บริษัทฯเติบโต 10-15% ต่อปี
ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายเฟส 3 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 60 ตัน/ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปี 69 และเมื่อครบทั้ง 3 เฟสแล้ว จะสามารถรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันได้สูงถึง 210 ตัน/ชั่วโมง หรือ 5,040 ตัน/วัน โดยจะสามารถดำเนินการพร้อมกันทั้ง 3 เฟส ได้ในปี 2570 ซึ่งตั้งเป้าผลิตให้ได้ปีละ 8-9 แสนตันผลปาล์ม สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีการเติบโตต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลดีต่อ Economy of Scale หรือการเพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ
"PCE ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการเติบโตผ่านการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดโลกในอนาคต พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น" นายพรพิพัฒน์ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีการเติบโตของยอดขายที่โดดเด่น โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 23,609.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีกำไรสุทธิ 257.9 ล้านบาท แม้จะเผชิญกับภาวะผันผวนของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั้งในด้านปริมาณผลผลิต และด้านราคา นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่มีแนวโน้มลดต่ำลงในระยะสั้นส่งผลให้ผู้ซื้อหันไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของยอดขายมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการรุกตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กะลาปาล์ม (PKS) ที่มีคุณภาพสูงซึ่งได้รับมาตรฐานระดับนานาชาติ Green Gold Label (GGL) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ในไตรมาส 3 ของปี 2567 ซึ่งในปี 2568 นี้จะรับรู้รายได้เต็มปี และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้จะแตะที่ระดับ 30,000 ล้านบาท
ยอดนิยม
TPCH เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ย้ำทีมงานดูแลใกล้ชิด พร้อมรับมือเต็มที่
OR สุดปัง! คว้ารางวัล Highly Commended Sustainability Awards จาก SET Awards 2025
PTG รับรางวัล Outstanding Investor Relations Awards จากเวที SET Awards 2025