
น่าสนใจ สำหรับหุ้นในดัชนี SET100 ในช่วงไตรมาส 3/2568 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น แต่ที่น่าสนใจ ในแง่ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 กลับออกมาไม่สวยงามอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง โดยมีกำไรสุทธิปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ไม่ว่าจะเป็น M ที่ในช่วงไตรมาส 3/2568 ถือเป็นหุ้น ในดัชนี SET100 ที่ราคาบวกแรงสุดกว่า 131% ปิดการซื้อขายในไตรมาสที่ระดับ 34 บาท
แต่ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 3/2568 รายงานตัวเลขกำไรสุทธิเพียง 226 ล้านบาท ลดลง 33.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกัน และงวด 9 เดือนปี 2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 735 ล้านบาท ลดลง 32.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยมีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 3/68 ของบริษัทอยู่ที่ 3,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยอดขายสาขาเดิมก็ได้ปรับเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักเป็นผลมาจากการจัดทำโปรโมชั่นบุฟเฟต์ในราคา 299 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
แต่ในไตรมาส 3/68 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 2,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนโดยหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมได้ปรับลดลงจาก 57.8% ในไตรมาส 3/67 เป็น 57.3% ในไตรมาสนี้เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริหาร
ส่วนอีกบริษัทต้องยกให้ JMART ราคาหุ้นปิดการซื้อขายในไตรมาสที่ระดับ 9.30 บาท เพิ่มขึ้น 48% จากราคาปิดก่อนหน้า แต่ไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 82.5 ล้านบาท ลดลง 172.8 ล้านบาท หรือลดลง 67.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
โดยธุรกิจบริหาร NPL และ NPA จัดเก็บหนี้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ส่งผลให้เกิดการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment property) ในคอมมูนิตี้มอลทุกโครงการ ซึ่งเกิดจากการลดลงของมูลค่าสิทธิการใช้ (ROU) ตามอายุสัญญา
ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมประจำไตรมาส 3/2568 เท่ากับ 3,894.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น11.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
และอีกหนึ่งบริษัทต้องยกให้ AP ราคาหุ้นปิดการซื้อขายในไตรมาสที่ระดับ 8.85 บาทเพิ่มขึ้น 41% จากวันก่อนหน้า แต่ตัวเลขกำไรไตรมาส 3//2568 รายงานออกมาอยู่ที่ระดับ 1,155 ล้านบาท ลดลง 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยบริษัท มีรายได้รวม 9,124 ล้านบาท ลดลง 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 8,871 ล้านบาท ลดลง 7.8% cละรายได้ค่าบริการและค่าบริหารจัดการ 253 ล้านบาท ลดลง 22.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวราบ กลุ่มแนวราบยังคงมีการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง โดยมีรายได้ 8,611 ล้านบาท ลดลง 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนคอนโดมิเนียม มีรายได้ 125 ล้านบาท ลดลง 83.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินค้คงเหลือของโครงการพร้อมโอนมีจำนวนลดลง และในไตรมาสนี้ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ “Aspire อรุณ พรีเว่” เสร็จสมบูรณ์