ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากหลายด้านในเดือนตุลาคม 2568 ทั้งความคาดหวังมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวของรัฐ กำไรกลุ่มธนาคารที่ดีกว่าคาด ตัวเลขการส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงกว่าประมาณการ รวมถึงนักวิเคราะห์ส่งสัญญาณปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในปี 2568 ส่งผลให้ ดัชนี SET Index ในเดือนตุลาคม 2568 เพิ่มขึ้น 2.8% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มาปิดที่ 1,309.50 จุด เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนในช่วงปลายเดือนจากการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังการประชุม APEC ประเทศเกาหลีใต้ ประกอบกับการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลง 0.25% มาอยู่ที่ 3.75–4.00% เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าในระยะยาว เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าและการเงิน ความเสี่ยงจากเทคโนโลยีและการประเมินมูลค่าสูงเกินจริงของหุ้น AI รวมถึงความเสี่ยงจากหนี้สาธารณะที่ค่อนข้างสูง
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มาตการภาครัฐที่เน้นโครงการที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจที่เห็นผลในระยะสั้น และสามารถกระจายรายได้ทั่วทั้งประเทศ ขณะเดียวกัน ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวในเดือนล่าสุดออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เริ่มมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยหลายกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ จากข้อมูลในอดีตพบว่า ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ผู้ถือหน่วยมักจะมีสถานะขายสุทธิกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ลดลง ขณะที่มีเงินทุนไหลเข้าในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เพิ่มขึ้น เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนตุลาคม 2568
-
SET Index ปิดที่ 1,309.50 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ทำให้ตั้งแต่ต้นปี SET Index ปรับตัวลดลง 6.5% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และ กลุ่มการเงิน
-
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 39,473 ล้านบาท (ลดลง 27.9% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน) ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปี มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมอยู่ที่ 42,659 ล้านบาท
-
ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 4,496 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2568 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 100,739 ล้านบาท
-
ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 51.81% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ตามด้วยผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศ 31.80% ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ 9.77% และบริษัทหลักทรัพย์ 6.62%
-
เดือนตุลาคม 2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. แมสเทค ลิ้งค์ (MASTEC), บมจ.แอตลาส เอ็นเนอยี (ATLAS) และบมจ.ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป (ONSENS) ขณะที่ใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. อินดิจี (IDG) และ บมจ. 88(ไทยแลนด์) (88TH)
-
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 17.0 เท่า
-
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 76% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.96%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนตุลาคม 2568
-
มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 406,504 สัญญา ลดลง 1% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ส่งผลให้ ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 422,081 สัญญา ลดลง 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

ยอดนิยม
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ BOI ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม New Economy สู่ตลาดทุนไทย
“SMO” นักลงทุนแห่จอง IPO 231.60 ล้านหุ้น คึกคัก! ตอกย้ำความเชื่อมั่นพื้นฐานแกร่ง
“โกลเบล็ก” ส่งซิก SET ไตรมาส 4/68 จ่อทะยาน รับมาตรการรัฐปลุกกระแสลงทุนปลายปี