กระดานข่าว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยห่วงอุตฯรถยนต์และชิ้นส่วนไทย แนะผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถ BEV


30 ตุลาคม 2568

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ห่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กำลังเผชิญกับโจทย์ใหญ่หลายด้าน ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งสำคัญนับตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตในประเทศ  แนะปรับตัวเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในระยะยะยาว

1192331.jpg

นายรุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด  กล่าวว่า  มาตรการภาษีนำเข้า Section 232 มีแนวโน้มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อส่งออกรถยนต์ไทยไปตลาดโลก เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจกระจายส่งออกไปตลาดอื่นมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดโลก 

ขณะเดียวกัน มาตรการนี้กระทบโดยตรงต่อการส่งออกชิ้นส่วนไทยไปสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนราว 26% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนไทย อย่างไรก็ดี ยางล้อขนาดเล็กของไทยยังได้เปรียบในด้านต้นทุนและคุณภาพ นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการยกเว้นภาษี Section 232 ตามมาตรการ Import Adjustment Offset ราว 12% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วน (ไม่รวมยางล้อ) ไปสหรัฐฯ มากกว่าญี่ปุ่นที่อยู่เพียง 3%

สิ่งสำคัญที่จะรองรับผลกระทบจากการแข่งขันได้ คือ การทำ FTA กับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเปิดตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิมที่ถูกแย่งไป ขณะเดียวกัน ควรส่งเสริมการลงทุนผลิตชิ้นส่วนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเพียงฐานการประกอบรถยนต์ EV

นางหทัยวัลคุ์  ตุงคะธีรกุล  เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การรุกตลาดของค่ายรถจีนผ่านสงครามราคา ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งภาคการผลิตและบริการ หลังจากค่ายรถหลักเดิมสูญเสียส่วนแบ่งในไทยและตลาดโลก เนื่องจากผู้บริโภคหันมานิยมรถไฟฟ้าจีนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดส่งออกรถสำคัญของไทย ได้ปรับมาตรฐานการปล่อย CO2 และระบบเบรกให้เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งจะหนุนความต้องการรถยนต์ไฮบริดทั้ง HEV และ PHEV แต่ก็จะเป็นแรงกดดันความต้องการรถยนต์แบบสันดาปภายใน หรือ ICE ที่ไทยส่งออกเป็นหลักให้มีแนวโน้มลดลง

ดร. กฤตย์  สีตะธนี  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวถึงการที่ไทยเลื่อนเป้า Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี  ส่งผลให้ภาคขนส่งต้องเร่งปรับตัวเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถ BEV ใหม่ โดยในปัจจุบันรถ BEV มีเพียง 1.2% ของรถยนต์สะสมทั้งหมด หรือไทยต้องเร่งเพิ่มยอดขายรถ BEV เฉลี่ยปีละ 800,000 คน  เพื่อให้แตะเป้ารถไฟฟ้า 100% ในปี 25 ปีข้างหน้า 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  ให้คำแนะนำผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ที่เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ การแข่งขันรุนแรงจากค่ายรถจีน และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด รวมทั้งการเร่งเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ และกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่ขยายตัวว่า  ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อสามารถตอบสนองกับทิศทางของตลาดที่มีแนวโน้มสัดส่วน รถ ICE ที่ลดลง และมีสัดส่วนรถ HEV และ PHEV ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจับตาโอกาสในการขยายตลาดของรถ BEV