Wealth Sharing

เทียบฟอร์ม 3BBIF-DIF กองไหนปันผลเด่น-พื้นฐานดี


30 ตุลาคม 2568
เทียบฟอร์ม-3BBIF-DIF_WS-(เว็บ)_0.jpg

หากพูดสินทรัพย์ที่มีการจ่ายผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอในทุกไตรมาส กองรีท เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างดี โดยเฉพาะกองทุนโครงพื้นฐาน ซึ่งวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 2 กองรีทโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมชั้นนำที่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 
โดยกองแรกที่เราหยิบยกขึ้นมาก็คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี หรือ 3BBIF ที่ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงจำนวน 1,680,500 คอร์กิโลเมตร ซึ่งมีบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB เป็นผู้เช่าทรัพย์สินดังกล่าว
 
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท โดยนับตั้งแต่การปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จในไตรมาส 1/68 ซึ่ง 3BBIF ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีตารางการชำระคืนเงินต้นที่ชัดเจน
 
ดังนั้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในกระแสเงินสดและลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์ของกองทุน และเชื่อว่าการปรับขึ้นของราคาหน่วยลงทุนในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยบวกหลักเหล่านี้ไปมากแล้ว ทำให้มีอัพไซด์จำกัด
 
สำหรับไตรมาส 3/68 จะมีกำไรอยู่ที่ 1,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% จากช่วงเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 0.2% จากไตรมาสก่อน ได้รับแรงหนุนจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงและไม่มีค่าใช้จ่ายจากการย้ายสายเคเบิลลงใต้ดินเข้ามา พร้อมกันคาดจะจ่ายเงินปันผลไตรมาส 3/68 ที่ 0.16 บาท ส่งผลให้เงินปันผลรวมในช่วง 9 เดือนแรก คิดเป็น 82.7% ของประมาณการทั้งปีที่ 0.57 บาท
 
ถัดมาเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ที่เป็นเจ้าของมีสิทธิเสาโทรคมนาคมจำนวน 16,059 เสา ได้แก่ ทรัพย์สินเสาโทรคมนาคมของทรูและเสาโทรคมนาคมบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เสาโทรคมนาคมบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด เสาโทรคมนาคมบริษัท เอเซีย ไวร์เลส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
 
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 8.60 บาท เนื่องจากราคาปัจจุบันปรับขึ้นเกินมูลค่าไปแล้ว จึงมีอัพไซด์จำกัด ขณะที่ความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้น หากการต่ออายุสัญญาเช่าไม่เกิดขึ้นหรือเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย รวมถึงความเสี่ยงรีไฟแนนซ์ จากครึ่งหนึ่งของหนี้ จะครบกำหนดในเดือน พ.ย. 2570 ซึ่งอาจทำให้ต้องชำระคืนเร็วขึ้นในระยะกลาง และสร้างแรงกดดันต่อการจ่ายเงินปันผล
 
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/68 จะกำไรอยู่ที่ 2,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกัน เพิ่มขึ้น 0.1% จากไตรมาสก่อน แรงหนุนอัตราค่าเช่าที่แท้จริงที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง และคาดเงินปันผลไตรมาส 3/68 ที่ 0.2222 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้เงินปันผลรวมในช่วง 9 เดือน คิดเป็น 77.3% ของประมาณการทั้งปี ที่ 0.86 บาท

เทียบฟอร์ม-3BBIF-DIF_0.jpg