SMD100 ยกระดับการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน จำหน่ายระบบติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง ชูจุดแข็ง ความแม่นยำระดับโลกในอุปกรณ์เดียว
SMD100 เดินหน้าเต็มกำลัง! เปิดจำหน่าย “ระบบติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM)” อย่างเป็นทางการยืนยันผลทางคลินิก ค่า MARD เฉลี่ย 7.43% – มาตรฐานระดับโลก พร้อมส่งมอบแล้วทั่วประเทศ_0.jpg)
ดร. วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SMD100 ผู้นำด้านเทคโนโลยีสุขภาพของประเทศไทย ประกาศเริ่มจำหน่าย ระบบติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring – CGM) อย่างเป็นทางการหลังได้รับ ใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานรัฐครบถ้วน
ถือเป็นก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์ Precision Diabetes Care ที่จะยกระดับการดูแลผู้ป่วยเบาหวานไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานโลก
โดยความแม่นยำระดับโลกในอุปกรณ์เดียว CGM ที่นำเข้าโดย SMD100 ผ่านการประเมินทางคลินิกอย่างเป็นทางการโดยมี ค่า MARD เฉลี่ย 7.43% (ช่วงความเชื่อมั่น 95%: 6.74–8.11%) ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ISO 15197:2013 และ FDA iCGM Criteria ยืนยันความแม่นยำระดับสูงสุดที่ใช้ในการติดตามและปรับแผนรักษาได้จริงในทางคลินิก
ความสำคัญของ MARD คือ ค่า MARD (Mean Absolute Relative Difference) คือเกณฑ์สากลที่ใช้วัด “ความแม่นยำ” ของ CGM MARD < 8% ระดับโลก (World-Class Accuracy) MARD 8–9% ดีมาก (Very Good Accuracy) MARD > 9% ปานกลาง (Moderate Accuracy) CGM ของ SMD100 มีค่า MARD 7.43% อยู่ในระดับสูงสุดของโลก มั่นใจได้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์
จุดเด่นที่ทำให้แตกต่าง ประกอบด้วย ไม่ต้องเจาะเลือดซ้ำบ่อย ติดตั้งง่าย สวมใส่สบาย แจ้งเตือนอัตโนมัติ เมื่อค่าน้ำตาลสูงหรือต่ำ ข้อมูลเรียลไทม์ผ่านสมาร์ตโฟน ช่วยแพทย์ปรับยาได้ทันที อายุการใช้งานยาวนาน 14 วัน คุ้มค่า เหมาะกับการใช้ต่อเนื่อง มาตรฐานสากลรองรับครบ พร้อมใช้งานในโรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศ
“โค้งสุดท้ายแห่งปีสั่งจองได้แล้ววันนี้ SMD100 เปิดรับคำสั่งซื้อล็อตแรกอย่างเป็นทางการ สำหรับโรงพยาบาล คลินิกเวชกรรม และหน่วยงานสุขภาพทั่วประเทศ พร้อมสิทธิพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัวภายในไตรมาสนี้เท่านั้นโดยนี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ให้บริการสุขภาพและผู้ป่วยไทยจะได้สัมผัสเทคโนโลยี CGM ที่มีความแม่นยำระดับโลกในราคาที่เข้าถึงได้จริง โดย SMD100 พร้อมขับเคลื่อนสุขภาพไทยสู่ยุคใหม่แห่งความแม่นยำและยั่งยืน (New Era of Precision Health for All)” ดร. วิโรจน์ กล่าว