DELTA งบ Q3 ทุบสถิติสูงสุด โบรกฯ แนะ “ขาย” ให้เป้า 120 บาท หลังมองราคาหุ้นยังซื้อขายแพงมาก
DELTA ฮอตไม่เลิก อวดกำไรไตรมาส 3 พุ่ง 7,441 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เติบโต 25.9% หลังบันทึกเงินชดเชยจากการผิดสัญญาทางการค้า และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่โบรกฯ ยังแนะ “ขาย” ชี้ราคาหุ้นแพงมาก เทียบกับกำไรปี 68 คาดโต 28%
นายเจิ้ง อัน กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 7,441 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เติบโต 25.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 60.8% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14%
โดยมีกำไรจากการดาเนินงาน 7,504 ล้านบาท เนื่องจากประสิทธิภาพการในบริหารค่าใช้จ่ายพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการบันทึกรายรับอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ เงินชดเชยจากการผิดสัญญาทางการค้า และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ร่วมกับการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ และภาษีส่วนเพิ่มตามกฎ OECD ส่งผลให้มีกำไรสุทธิในระดับดังกล่าว
ทั้งนี้ ยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 53,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 19.6% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นจากการขับเคลื่อนโดยกลุ่มธุรกิจเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มโซลูชั่นระบบอัตโนมัติ
โดยสินค้าหลักระบบกำลังไฟสำหรับเซิร์ฟเวอร์ เน็ทเวอร์คกิ้ง และดาต้าเซ็นเตอร์ (Server and Networking Power, Datacenter Power) ถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญที่เติบโตแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงไตรมาสปัจจุบัน สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการของตลาดมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน คือการเพิ่มกำลังไฟ และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพื่อรองรับการประมวลผลของ AI
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากดีมานด์ที่เร่งตัวขึ้นสำหรับแอปพลิเคชัน AI ส่งผลให้มีการพัฒนาโซลูชั่นพลังงานสมรรถนะสูงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานทั้งในส่วนโครงงานดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชั่นพลังงานโทรคมนาคม โซลูชั่นเครือข่าย และโซลูชั่นระบบระบายความร้อนงานสารสนเทศ รวมถึงโซลูชั่นระบบอัตโนมัติภาคอุตสาหกรรมและอาคารอัจฉริยะล้วนมีการเติบโตที่ดีในไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบกำลังไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ายังเผชิญกับความท้าทายของสภาวะอุปสงค์อ่อนตัว ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวลดลง ท่ามกลางความผันผวนของอุตสาหกรรม EV ทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา
โดยภาพรวมธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยี ยังคงมีปัจจัยเฝ้าระวังที่เกิดจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และเงื่อนไขการค้าที่ไม่แน่นอน ทำให้บริษัทฯ มุ่งมั่นกลยุทธ์การขยายฐานการผลิตและบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานตามแนวทางความยั่งยืน เพื่อรักษาเสถียรภาพในการประกอบธุรกิจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสภาวการณ์ที่ท้าทายของอุตสาหกรรม
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า กำไรปกติดังกล่าว ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัย และตลาดคาด ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดเบื้องต้นยอดขายเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากสินค้ากลุ่ม Liquid Cooling ที่เร่งตัวขึ้น ส่วน GPM คาดจะเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาท/USD อ่อนค่าจากไตรมาสก่อน
ดังนั้นคาดกำไรไตรมาส 4/2568 เป็นจุดสูงสุดของปี 2568 เบื้องต้นคาดอยู่ในกรอบ 6.6-6.7 พันล้านบาท ทำให้ประมาณการปี 2568 ยังสมเหตุสมผล ประมาณการจะมี Upside เล็กน้อย หาก GPM ทำได้ดีกว่าคาดมาก
อย่างไรก็ตามคงคำแนะนำ "ขาย" อิงราคาเหมาะสม สิ้นปี 2569 ที่ 120.00 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นซื้อขายบน PER26 ที่ 90 เท่า แพงมาก เทียบกับคาดการณ์เติบโตของกำไรปี 2569 ที่ 28%
ยอดนิยม
DELTA งบ Q3 ทุบสถิติสูงสุด โบรกฯ แนะ “ขาย” ให้เป้า 120 บาท หลังมองราคาหุ้นยังซื้อขายแพงมาก
AAV อ่วมหนัก! โบรกฯ ชี้ Q3 ส่อขาดทุนมากกว่าคาด แนะ “ขาย” หั่นเป้าหมายเหลือ 1.05 บาท
MASTEC เทรดวันแรกพุ่ง 22% โบรกฯ มองมีศักยภาพขยายธุรกิจ แถมรับอานิสงส์ขายอุปกรณ์ Data Center
DELTA ยังซ่าไม่หยุด! แม้ยังไม่หลุด “แคชบาลานซ์” แต่หุ้นพุ่ง 10% หนุน SET บวก 31 จุด