IDG เปิดเทรด 5.40 บาท พุ่ง 80% ระดมทุนขยายธุรกิจ-พัฒนาผลิตภัณฑ์ โบรกฯคาดกำไรปี 68-69 โต 48% ต่อปี

หุ้น IPO อุตสาหกรรมเทคโนโลยี อย่างบริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ด้วยราคาเปิดการซื้อขายที่ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 80% จากราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาท

สำหรับ IDG คือ หนึ่งในผู้นำด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร โดดเด่นด้วยบริการดิจิทัล End-to-End ครอบคลุมตั้งแต่ Digital Consulting, Digital Integration, Digital Platform, Digital Academy และ Digital Market ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Microsoft และพันธมิตรระดับโลก ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำกว่า 500 ราย ครอบคลุมกว่า 1,000 โครงการ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งสถาบันการเงิน เทคโนโลยี โรงพยาบาล อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ทั้งนี้ตามแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) พบว่า บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ ซึ่งมีมูลค่าหลังจากหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นประมาณ 74.95 ล้านบาท ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 20.00 ล้านบาท ภายในปี 2568 - 2570

2.ขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล  25.00 ล้านบาท ภายในปี 2568 - 2570

3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท 29.95 ล้านบาท ภายในปี 2568 – 2570

ด้านนักวิเคราะห์วิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุถึง IDG ประมาณการรายได้และกำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรปี 2568-2569 (CAGR) 48% ต่อปี จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นโดยบริษัทวางแผนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่พัฒนาขึ้นมาด้วยนวัตกรรม AI ในปี 2569 ประเมินมูลค่าเหมาะสมของบริษัท ณ สิ้นปี 2569 ที่ 4.37 บาท ต่อหุ้น ด้วยวิธี PER ratio ที่ 13 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของ Current Trading PER ของหุ้นที่มีธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในระยะสั้น บริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบมูลค่าเกิน 1 ล้านบาท จำนวน 31 โครงการ รวมมูลค่า 14.08 ล้านบาท จะ ส่งมอบทั้งหมดในปี 2568 และงานซ่อมบำรุงรวมมูลค่า 18.65 ล้านบาท ซึ่งจะรวมเป็นรายได้ของครึ่งปีหลัง โดยบริษัทยังไม่ได้มีงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอาจจะทำให้รายได้ชะลอตัวได้ในอนาคต

ในระยะยาว บริษัทตั้งเป้าขยายศูนย์บริการไปภูเก็ต ชลบุรี และหัวเมืองใหญ่ภายในปี 2570 ใช้งบลงทุนรวมกว่า 74.95 ล้านบาท เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม AI ครบวงจรและบริการ One-Stop Service ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่และบริการดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ สร้างความมั่นคงและการเติบโตต่อเนื่องในตลาดเทคโนโลยี

จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้นด้วย PER ย้อนหลัง 1 ปี ของคู่แข่งในตลาดที่ 13.7 เท่า มองว่ามูลค่าเหมาะสมสำหรับ ปี 2569 ของบริษัท ณ ราคา IPO มีความเหมาะสมแล้ว