กระดานข่าว

KTC เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการ สร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในทุกมิติ


21 ตุลาคม 2568

เคทีซีโชว์กำไรแกร่ง เดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์มยกระดับบริการ คุมเข้มคุณภาพสินทรัพย์  เพื่อยกระดับประสบการณ์ของสมาชิก เพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ ควบคู่การบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความมั่นคงของพอร์ตสินเชื่อในระยะยาว และสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในทุกมิติ

1042033 นอน.jpg

นางพิทยา วรปัญญาสกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า “เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวลง และอาจส่งผลต่อเนื่องถึงปี 2569 จากปัจจัยสำคัญของผลกระทบภาคการส่งออกจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ซึ่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจนี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมสินเชื่อหดตัวลง และผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย” 

“ภายใต้ความท้าทายและปัจจัยกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศ เคทีซียังคงสร้างผลการดำเนินงานได้ดี จากการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในทุกผลิตภัณฑ์หลักในช่วง 8 เดือนของปี 2568 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2567 ลูกหนี้บัตรเครดิตมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% จาก 14.2% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13.4% จาก 12.8% และลูกหนี้สินเชื่อบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 4.0%”

“กลุ่มบริษัทเคทีซียังรักษาฐานรายได้รวมไว้อย่างมั่นคง จากช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 6,906 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.2%) จากรายได้ดอกเบี้ยตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 4,343 ล้านบาท (ลดลง 4.0%) จากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ซึ่งเป็นผลจากการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงจากการบริหารเงินกู้ยืมที่สอดคล้องกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ ส่งผลให้ กลุ่มบริษัทเคทีซีสามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 เท่ากับ 1,951 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.7%) และงวด 9 เดือน เท่ากับ 5,707 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.8%) และยังคงรักษาระดับเงินสำรองที่แข็งแกร่งและเพียงพอ ซึ่งสะท้อนได้จาก NPL ratio ของกลุ่มบริษัท ไม่เกินกว่าอัตราที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญกับการติดตามสภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง”

“สำหรับความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัย (ประกันวินาศภัยและประกันชีวิต) ของเคทีซี ตามที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ขณะนี้บริษัทได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวมถึงได้แจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทยผ่านธนาคารกรุงไทย เกี่ยวกับการเพิ่มเติมการประกอบธุรกิจของบริษัทเรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมงานในส่วนต่างๆ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายผ่านช่องทางต่างๆ ของเคทีซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกให้ตรงจุด ยกระดับการให้คำแนะนำและการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัย โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยและสิทธิประโยชน์แก่สมาชิกบัตร

เครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของเคทีซีเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัย เคทีซีเริ่มดำเนินการประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัยในฐานะธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและรอบคอบ ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว”

ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,608,017 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,913 ล้านบาท (ขยายตัว 0.7%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ลดลงอยู่ที่ 1.85% จำนวนสมาชิกบัตรเครดิต 2,903,481 บัตร (เพิ่มขึ้น 5.3%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,451 ล้านบาท (ขยายตัว 0.5%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.15% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนของปี 2568 มูลค่า 219,572 ล้านบาท (ขยายตัว 3.8%) สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 704,536 บัญชี (เพิ่มขึ้น 2.5%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 35,836 ล้านบาท (ขยายตัว 3.0%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.40% และมียอดสินเชื่อใหม่ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จำนวน 1,650 ล้านบาท ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 1,627 ล้านบาท (ลดลง 28.8%) ซึ่งเคทีซีได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่ 

ในส่วนของแหล่งเงินทุน กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมรวมทั้งสิ้น 55,655 ล้านบาท (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) แบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 70% และเงินกู้ยืมระยะสั้น 30% (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอยู่ที่ 1.51 เท่า ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1.78 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่กำหนดไว้ 10 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางการเงินที่สูงในการขยายธุรกิจ รองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจในอนาคต และมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือที่ยังไม่เบิกใช้ แบ่งเป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้น 25,990 ล้านบาท ในขณะที่มีภาระหนี้หุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระในไตรมาส 4 ปี 2568 ทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท ด้วยสภาพคล่องที่สูงกว่าภาระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนด แสดงถึงสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ในระยะสั้นที่อยู่ในระดับต่ำมาก

KTC