กระดานข่าว

บมจ.อินดิจี (IDG) ไอพีโอสายเทคฯ เคาะราคาไอพีโอ 3 บาท เปิดจอง 15-17 ต.ค.นี้


14 ตุลาคม 2568

บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ “IDG” เคาะราคาไอพีโอหุ้นละ 3 บาท เปิดจอง 15-17 ต.ค.68 คาดเทรดใน mai 24 ต.ค.นี้ ด้าน บล.ยูโอบีฯ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำอันเดอร์ไรท์ มั่นใจกำหนดราคาเหมาะสม แผนการเติบโตชัดเจน เงินระดมทุนจำนวน 74.95 ล้านบาท นำไปใช้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมเปิดเกมรุกสร้าง New Growth Engine ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ 

IDG_251014_เคาะราคา_1 (1).jpg

นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของ บมจ.อินดิจี หรือ IDG  เปิดเผยว่า IDG กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ IDG ในราคาหุ้นละ 3 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 15 - 17 ตุลาคม 2568 ตอกย้ำการเป็นผู้นำที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ 

IDG เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 28,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (par) 0.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 28% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้  โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ (Lead Underwriter) พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้ร่วมจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)

โดย IDG กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาท ถือเป็นระดับที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ภายหลังการเสนอขายหุ้น (Fully Diluted) เท่ากับ 17.65 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาส ย้อนหลัง ตั้งแต่ ไตรมาส 3 ปี 2567 ถึง ไตรมาส 2 ปี 2568 

ล่าสุด บริษัทจัดงาน IDG IPO Press Conference & Retail Investor Roadshow นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO พร้อมตอกย้ำศักยภาพผู้นำด้าน Digital Transformation ครบวงจร ชูจุดเด่นด้วยบริการดิจิทัลแบบ End-to-End ครอบคลุม Consulting, Integration, Platform, Academy และ Market พร้อมพัฒนาโซลูชัน Transformation+ (Work+, Biz+, Life+, 365+) เพื่อตอบโจทย์ทั้งตลาดไทยและต่างประเทศ เดินหน้าวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยนำเทคโนโลยีจาก Microsoft, Google, Apple, Meta, AWS และ Huawei ผสานกลยุทธ์ตามเทรนด์เทคโนโลยีโลก ทั้ง AI, IoT และ Sustainability พร้อมขยายศูนย์ Digital Business Center เพื่อรองรับตลาดใหม่

ภายหลังจากการระดมทุน บริษัทฯ พร้อมที่จะนำเงินไปใช้เสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจของบริษัทฯ ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับบริษัทฯ  

นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับองค์กร กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสร้างให้ IDG เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 74.95 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้สำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 20 ล้านบาท การขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล 25 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท 29.95 ล้านบาท ภายในปี 2568 - 2570 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสริมศักยภาพขององค์กร รองรับการเติบโตตามเทรนด์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในปัจจุบัน   

ในด้านผลประกอบการระหว่างปี 2565 – 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 125.96 ล้านบาท 115.01 ล้านบาท และ 127.26 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้ 64.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 55.61 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในระหว่างปี 2565 - 2567 อยู่ที่ 22.58 ล้านบาท 11.09 ล้านบาท และ 15.22 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรเท่ากับ 7.59 ล้านบาท 

โครงสร้างรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก ประกอบด้วย 1) รายได้จากการขายซอฟต์แวร์ Microsoft และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง 2) รายได้จากการบริการพัฒนาระบบดิจิทัล ที่รับรู้รายได้ตามสัดส่วนความก้าวหน้าของงาน 3) รายได้จากค่าบริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นสัญญาบริการระยะยาว และ 4) รายได้จากค่าบริการอื่น ๆ อาทิ การให้คำปรึกษา ฝึกอบรม และบริการระบบคลาวด์ โดยบริษัทเน้นพัฒนาโซลูชันและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า พร้อมมุ่งสร้างรายได้แบบต่อเนื่อง (Recurring Income) เพื่อเสริมความยั่งยืนทางธุรกิจ ขณะที่ ฐานลูกค้าหลักแข็งแกร่งในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่และเอนเตอร์ไพรส์ คิดเป็นเกือบ 85% ของลูกค้าทั้งหมด โดยกระจายอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงิน สุขภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ และ อาหารและเครื่องดื่ม สะท้อนถึงบทบาทของ IDG ในการเป็นพาร์ทเนอร์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำ

นายวิธาน กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า อินดิจี (IDG) มั่นใจทิศทางการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสขยายตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัล พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจที่ปรึกษา Digital Transformation และพัฒนา Digital Platform แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี เปิดเกมรุกสร้าง “New Growth Engine” ผลักดันภาคธุรกิจไทยสู่การทรานส์ฟอร์มเต็มรูปแบบ ตอกย้ำบทบาทผู้นำขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดดภายใน 3–5 ปี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในระยะยาว

IDG