DELTA ลุ้น Q3 ฟอร์มเด่น โบรกฯ คาดฟันกำไร 6.2 พันลบ. ชี้ยัง “เก็งกำไร” ได้ รับแรงหนุนเพียบ

จับตา DELTA นักวิเคราะห์คาดไตรมาส 3/68 กำไรโตแรง .2 พันล้านบาท เติบโต 34%จากไตรมาสก่อน และเติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ถือ เชื่อระยะสั้นมีปัจจัยผลักดัน ชี้สามารถเก็งกำไรได้

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า คาดไตรมาส 3/68 DELTA จะมีกำไรสุทธิ 6.2 พันล้านบาท เติบโต 34%จากไตรมาสก่อน และเติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจาก 1. ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็น 1.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 12% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือ 4.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 10%จากไตรมาสก่อน และเติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสินค้าเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง,

2.อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 27.7% จาก 25.0% ในไตรมาสก่อน ตามสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ ที่สร้างมาร์จิ้นสูง และ 3. ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายพิเศษเป็นจำนวนสูงอย่างในไตรมาสก่อนหน้า ที่มีค่าใช้จ่ายในการยุติข้อพิพาททางคดีความในสหรัฐ, การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

หากกำไรในไตรมาส 3/68 ออกมาตามคาด จะทำให้ภาพรวมกำไรช่วง 9 เดือนปี 68 มีสัดส่วนราว 78% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี 2568 ที่ 2 หมื่นล้านบาท

สำหรับยอดขายและมาร์จิ้นยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อไปอีกในไตรมาส 4/68 จากความต้องการสินค้ากลุ่ม ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยังมีอยู่มาก ซึ่งอาจถูกหักล้างไปบ้างจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของค่าลิขสิทธิที่ต้องจ่ายให้ บริษัทแม่ (เดลต้า ไต้หวัน) มากขึ้น ตามปริมาณงานโครงงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีจาก บริษัทแม่ ซึ่งจะมีเข้ามามากขึ้น ดังนั้นการเติบโต ของกำไรในไตรมาส 4/68 เทียบไตรมาสก่อนเป็นสิ่งท้าทาย แต่ยังเชื่อว่าจะโตได้แรงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานต่ำในปีก่อน 

โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2568 – 2569 ขึ้นจากเดิมเฉลี่ยราว 11% และ ได้ปรับ PER ขึ้นจากเดิมที่ 52.1 เท่า เป็น 77.1 เท่า เพื่อสะท้อนกำไรที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2568 และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 175 บาท 

ดังนั้นปรับคำแนะนำขึ้นจากเดิม “Underperform” เป็น “ถือ” สำหรับ DELTA แม้ราคาหุ้น ปัจจุบันจะสูงกว่าราคาเป้าหมาย แต่สามารถเก็งกำไรได้จาก 1.ระยะสั้นมีปัจจัยผลักดัน ราคาหุ้นจากกำไรที่คาดจะออกมาดีในไตรมาส 3/68 และ 2.อุตสาหกรรม AI / ดาต้าเซ็นเตอร์ ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อไปในระยะยาว ส่งผลดีต่อความต้องการชิปที่ทรงพลัง รวมทั้ง สินค้าเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทให้สูงขึ้นตามไปด้วย