กระดานข่าว

KBANKปรับยุทธศาสตร์ความยั่งยืน เพิ่มเม็ดเงินอัดฉีดเป็น 4-5 แสนลบ.


02 ตุลาคม 2568
กสิกรไทยเดินหน้าความยั่งยืน บนแนวคิดยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม ผสานความยั่งยืนไปในทุกมิติการทำงาน เพิ่มเป้าอัดฉีดเม็ดเงินความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030)  พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมที่สุด

KBANK.jpg
 
นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า  ธนาคารได้ทบทวนกลยุทธ์การทำงานด้านความยั่งยืน เพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสังคมได้ชัดเจนขึ้น จึงเปลี่ยนจากการดำเนินงานความยั่งยืนด้วยแกนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG-based Strategy) ไปสู่ยุทธศาสตร์ความยั่งยืนบนแนวทางใหม่ที่เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม เชื่อมโยงมุมมองทุกด้านที่เกี่ยวข้อง กำหนดความมุ่งหมายชูเป็นแกนกลางของการทำงาน (Issue-based Strategy)
 
โดยยุทธศาสตร์ความยั่งยืนธนาคารกสิกรไทย 2568 ถูกออกแบบบนแนวคิด Issue-based Strategy ที่เน้นการจัดการประเด็นสำคัญแบบองค์รวม เชื่อมโยงทุกมิติทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล กำหนดเป็นความมุ่งหมาย ที่ธนาคารมุ่งเน้นส่งมอบให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย 

ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ได้ส่งเสริมให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถขับเคลื่อนการเติบโตควบคู่กับการผสานมิติความยั่งยืนไปด้วยอย่างกลมกลืนในทุกการทำงาน มองเห็นโอกาสการส่งมอบผลลัพธ์เชิงบวกในหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น
 
ซึ่งการผลักดันให้พอร์ตโฟลิโอของธนาคารบรรลุเป้าหมาย Net Zero ตามกรอบที่ประเทศไทยกำหนดสอดคล้องกับเป้าหมาย NDC (Nationally Determined Contribution) และเร่งดำเนินการในส่วนที่สามารถทำได้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยธนาคารได้วางแผนกลยุทธ์รายอุตสาหกรรม (Sector Decarbonization Strategy) เพื่อเข้าไปควบคุมและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอย่างใกล้ชิด จำนวน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้นน้ำ กลุ่มเหมืองถ่านหินประเภทเชื้อเพลิงให้ความร้อน กลุ่มซีเมนต์ กลุ่มอลูมิเนียม และกลุ่มยานยนต์ โดยพอร์ตโฟลิโออุตสาหกรรมโรงไฟฟ้ามีระดับความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Intensity per GWh) ลดลง 26% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 (ค.ศ.2020)

การสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน ความรู้ และเทคโนโลยี ผ่านการปล่อยสินเชื่อและการลงทุน โดยมียอดสะสมของสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนกว่า 173,231 ล้านบาท (ณ สิงหาคม 2568) และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2.74 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ประกอบด้วยสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 39,000 คัน สินเชื่อเพื่ออาคารสีเขียวมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร สินเชื่อสำหรับโครงการทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนกว่า 500 โครงการ รวมถึงการดำเนินงานในมิติ Beyond Banking

ธนาคารได้ปรับเป้าหมายสินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืน เป็น 4-5 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 2 แสนล้านบาท  เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนา Beyond Banking Solution เพื่อส่งมอบ Climate Solution ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ลูกค้า และส่งเสริมการสร้าง Carbon Ecosystem ที่ครอบคลุมทุกมิติของการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ได้แก่ การเป็นที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการปรับตัว พร้อมพัฒนาเครื่องมือ KClimate1.5 

สำหรับการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก การจัดตั้ง Creative Climate Research Center เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และความร่วมมือเพื่อรับมือกับปัญหาโลกร้อน การริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อสร้าง Carbon Ecosystem ในสังคม เช่น Watt’s Up แพลตฟอร์มสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แพลตฟอร์ม Green Pass สำหรับการขอใบรับรอง RECs และแพลตฟอร์ม K-GreenSpace ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโซลูชัน Green Living ได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงร่วมกับพันธมิตรจากภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการเงิน และภาควิชาการ จัดตั้ง “เครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย” (Thailand Climate Business Network: Thai CBN) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 34 องค์กร ร่วมกันผลักดันแนวปฏิบัติด้าน Climate ที่นำไปใช้ได้จริง ตั้งแต่ระดับ SME จนถึงข้อเสนอเชิงนโยบายระดับประเทศ โดยเครือข่าย Thai CBN ได้จัดทำ E-Handbook for Greener SMEs และ White Paper - Climate Ecosystem Collaboration เพื่อส่งมอบให้ภาครัฐ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพลังร่วมระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐในการเร่งการเปลี่ยนผ่านของประเทศอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วม
 
“ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำว่าในทุกพันธกิจที่ธนาคารขับเคลื่อนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกันในระบบนิเวศ สร้างรากฐานที่ยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และมีคุณภาพให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล เพื่อให้ทุกชีวิตและทุกธุรกิจเดินหน้าผ่านพ้นทุกความท้าทายไปด้วยกัน เติบโตต่อไปได้อีกอย่างมั่นคงและยั่งยืน”นายจงรักกล่าว