เผยสาเหตุ 4 บจ.ไทย “ฟิทช์” หั่นแนวโน้มเครดิต

หลังจากที่ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ลดมุมมองอันดับเครดิตไทยลงจาก “เสถียรภาพ” เป็น “ลบ” ไปไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุดก็ได้เริ่มปรับลดเครดิตบริษัทในไทยลงด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่โดนปรับลดเครดิต พร้อมกับไปดูสาเหตุการลดในครั้งนี้กัน

เริ่มกันที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ถูกปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิต เป็น “ลบ” จากเดิมแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ขณะที่คงอันดับเครดิตที่ “BBB+” ซึ่งเพื่อให้สอดคล้องไปกับการที่ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทย 

โดยปัจจัยที่มีผลต่อการปรับลดแนวโน้มเครดิตประกอบไปด้วย การปรับลดอันดับเครดิตประเทศไทย ปัจจัยที่อาจมีผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตโดยลำพังของ PTT การลงทุนที่สูงโดยใช้เงินกู้ยืม หรือ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ต่ำกว่าที่คาด ซึ่งทำให้อัตราส่วน EBITDA Net Leverage สูงกว่า 2.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎระเบียบ การแก้ไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติและการปรับค่าผ่านท่อก๊าซที่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อ PTT 

เช่นเดียวกันกับของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่ถูกปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตตามบริษัทแม่ อย่าง PTT เนื่องจากอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทได้อยู่ในระดับเดียวกันกับ ปตท. จึงต้องถูกปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “ลบ” จากเดิมแนวโน้มเครดิตมี “เสถียรภาพ”

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่มีผลต่อแนวโน้มอันดับเครดิต นอกจากการปรับลดอันดับเครดิตของ  PTT ก็จะเป็นในด้านแรงจูงใจของ PTT ในการสนับสนุน PTTEP อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

ถัดมาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB  ถูกปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตจากมี “เสถียรภาพ" เป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “ลบ” แต่ยังคงอันดับเครดิตที่ “BBB+” โดยการปรับลดเป็นไปตามการที่ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทย

รวมไปถึง สะท้อนถึงการลดลงของความสามารถของรัฐบาลในการให้การสนับสนุนพิเศษในกรณีที่เกิดวิกฤต ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิตของธนาคารเหล่านี้ โดยอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคารเหล่านี้ถูกคงไว้ แต่มีโอกาสถูกปรับลดหากอันดับเครดิตสากลของประเทศไทยถูกปรับลดลง